รมว. พลังงาน สั่งจับตาวางแผนรับมือราคาน้ำมัน เหตุน้ำมันดิบมีการปรับตัวสูงขึ้นจากผลกระทบกรณีความไม่สงบในตะวันออกกลาง จากการโจมตีท่อส่งน้ำมันและสถานีส่งออกน้ำมันดิบ และการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย รวมถึงติดตามความชัดเจนของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (โอเปค) ที่ส่งสัญญาณคงการปรับลดกำลังการผลิตไว้ระดับเดิมจนถึงสิ้นปี 2562
นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มอบหมายให้นโยบายติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันเพื่อวางแผนรับมือ เนื่องจากปัจจุบันราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวสูงขึ้น อยู่ที่ราคา 72 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากกรณีความไม่สงบในตะวันออกกลาง ที่เกิดการโจมตีท่อขนส่งน้ำมันและสถานีส่งออกน้ำมันดิบ และโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย ใกล้บริเวณช่องแคบเฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือส่งออกน้ำมันดิบที่สำคัญ โดยคิดเป็นปริมาณ 20% ของน้ำมันดิบทั่วโลก เมื่อรวมกับท่าทีของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (โอเปค) ก่อนหน้านี้ที่ได้ส่งสัญญาณคงการปรับลดกำลังการผลิตไว้ระดับเดิมจนถึงสิ้นปี 2562 ที่ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน และจะมีการประชุมกลุ่มโอเปคครั้งถัดไปช่วงวันที่ 25-26 มิถุนายนนี้ คงต้องดูว่ากลุ่มโอเปคจะมีมติที่ชัดเจนอย่างไร
นอกจากนี้ จากสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐและจีนที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น อาจมีส่วนกดดันราคาน้ำมัน ดังนั้นกระทรวงพลังงานจึงต้องจับตาดูสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดได้ กำกับมอบหมายให้ทาง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่เป็นผู้นำเข้าน้ำมันหลักของประเทศ ให้บริหารความเสี่ยงให้มากที่สุดเพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
ด้าน นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม กล่าวว่า ปตท.สผ. ได้ปรับคาดการณ์ราคาน้ำมันของปีนี้ใหม่ จากเดิม 60-70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เป็น 60-80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบต่อตลาดโลก ทำให้ราคาน้ำมันขยับขึ้น ส่วนการปรับแผนการลงทุนนั้น จะเกิดขึ้นในช่วงกลางปีนี้