กระทรวงพลังงานหนุนใช้น้ำมันดีเซล B20 จับมือผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 เร่งขยายเครือข่ายสถานีบริการ (ปั๊มน้ำมัน) ที่มีหัวจ่ายน้ำมันดีเซล B20 เพิ่ม รองรับผู้ประกอบการรถบรรทุกขนาดใหญ่ ประชาชนผู้ใช้รถกระบะ ด้าน บางจาก, พีที, ซัสโก้, ซัสโก้ดีลเลอร์ส, เชลล์, เชฟรอน (ไทย) และ ไอ อาร์ พี ซี ร่วมสนับสนุนขยายปั๊มเพิ่มต่อเนื่อง ล่าสุดครอบคลุมทั่วประเทศ 945 แห่ง
ตามที่กระทรวงพลังงาน ได้เปิดตัว “โครงการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20” ไปเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2561 โดยมุ่งส่งเสริมให้มีการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 ที่มีส่วนผสมของน้ำมันไบโอดีเซล ร้อยละ 20 ในรถบรรทุกขนาดใหญ่ และรถยนต์กระบะ เพื่อกระตุ้นความต้องการใช้น้ำมันไบโอดีเซลเพิ่มขึ้น ช่วยดูดซับสต๊อกน้ำมันปาล์มส่วนเกินจากปัญหาสถานการณ์น้ำมันปาล์มดิบล้นตลาดและราคาตกต่ำ รวมถึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในส่วนของน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
โดยตั้งแต่เปิดโครงการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 ตั้งแต่เดือน กรกฏาคม 2561 จนถึง 5 พฤษภาคม 2562 ภาครัฐได้นำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปสนับสนุนการใช้น้ำมัน B20 แล้วกว่า 526 ล้านบาท โดยอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซล B20 ให้มีราคาถูกกว่าน้ำมันดีเซล B7 ในราคา 3 บาท และ 5 บาท ต่อลิตร เพื่อจูงใจให้ผู้ใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ และรถกระบะหันมาใช้น้ำมัน B20 ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการผู้ใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ ได้แก่ยี่ห้อ HINO, ISUZU, SCANIA, UD TRUCKS และ VOLVO หันมาให้ความสนใจใช้น้ำมัน B20 เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง นอกจากนี้โครงการดังกล่าวยังได้รับการสนับสนุนจากผู้ผลิตรถยนต์กระบะ 2 ราย คือ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ซึ่งเป็น 2 ค่ายผู้ผลิตรถยนต์กระบะรายใหญ่ ที่มีรถกระบะรวมกันมากถึง 70% ของรถกระบะทั้งประเทศ ยืนยันความพร้อมเครื่องยนต์รถยนต์ของค่ายสามารถใช้น้ำมันดีเซล B20 ได้ ทำให้ประชาชนผู้ใช้รถกระบะของทั้ง 2 ค่ายให้ความสนใจ หันมาใช้น้ำมันดีเซล B20 กันมากขึ้น
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงาน ได้ร่วมมือกับ ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 และกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ขยายความพร้อมหนุนการใช้น้ำมัน B20 โดยให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 เร่งขยายเครือข่ายสถานีบริการ (ปั๊มน้ำมัน) ที่มีหัวจ่ายน้ำมันดีเซล B20 เพิ่ม เพื่อรองรับผู้ใช้น้ำมัน B20 ให้มากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจากข้อมูลรายชื่อสถานบริการน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 ล่าสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 อาทิ บางจาก, พีที, ซัสโก้, ซัสโก้ดีลเลอร์ส, เชลล์, เชฟรอน (ไทย) และ ไอ อาร์ พี ซี ร่วมสนับสนุนโนบายภาครัฐ โดยปัจจุบันมีจำนวนสถานีให้บริการน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 945 แห่ง
จำนวนสถานีให้บริการน้ำมัน B20 ของผู้ค้าน้ำมัน ตามมาตรา 7
- บางจาก 345 แห่ง
- พีที 239 แห่ง
- ปตท. 193 แห่ง
- ซัสโก้ 68 แห่ง
- เชฟรอน (ไทย) 48 แห่ง
- เชลล์ 34 แห่ง
- อื่นๆ 18 แห่ง
จำนวนสถานีให้บริการน้ำมัน B20 แบ่งตามภูมิภาค
- กรุงเทพฯ 48 แห่ง
- ปริมณฑล 91 แห่ง
- ภาคใต้ 208 แห่ง
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 198 แห่ง
- ภาคกลาง 167 แห่ง
- ภาคตะวันออก 109 แห่ง
- ภาคเหนือ 62 แห่ง
- ภาคตะวันตก 62 แห่ง
Top 5 จังหวัดที่มีสถานีให้บริการน้ำมัน B20 มากที่สุด
- สุราษฎ์ธานี 59 แห่ง
- นครราชสีมา 54 แห่ง
- ชลบุรี 48 แห่ง
- นครศรีธรรมราช 40 แห่ง
- ขอนแก่น 32 แห่ง
สำหรับประชาชน ผู้สนใจที่ใช้ รถยนต์ที่สามารถใช้น้ำมัน B20 ได้ สามารถดาวน์โหลดดูข้อมูลที่ตั้งสถานีให้บริการน้ำมัน B20 (ปั๊มน้ำมัน) ของผู้ค้าแต่ละราย ที่มีให้บริการในแต่ละจังหวัด ทั่วประเทศ เพิ่มเติมได้ที่
ข้อมูล รายชื่อสถานีบริการน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562)
Source: ข้อมูล – กรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน