กระทรวงพลังงานพร้อมรับมือสถานการณ์ตะวันออกกลาง กรณีความขัดแย้งระหว่าง สหรัฐฯ-อิหร่าน แม้ส่งผลต่อความผันผวนของเชื้อเพลิงในตลาดโลก แต่ปริมาณน้ำมันในประเทศยังเพียงพอต่อการใช้ได้สูงสุดถึง 50 วัน นอกจากนี้กองทุนน้ำมันเชื่อเพลิงมีแผนรองรับในกรณีฉุกเฉิน มั่นใจสามารถบริหารจัดการ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนได้
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เผยถึงแนวทางการรับมือจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางระหว่าง สหรัฐฯ-อิหร่าน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ส่งผลต่อความผันผวนของเชื้อเพลิงในตลาดโลก ซึ่งกระทรวงพลังงานได้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ โดยปัจจุบันมีน้ำมันเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ สามารถใช้ได้สูงสุดถึง 50 วัน แบ่งเป็นน้ำมันดิบ ที่ใช้ได้ 36 วัน (4,133 ล้านลิตร) และน้ำมันสำเร็จรูปที่ใช้ได้ 14 วัน (1,468) ส่วนปริมาณก๊าซ LPG สำรองได้ 17 วันเพื่อใช้ในภาคครัวเรือน (101 ล้านกิโลกรัม) และยังสามารถนำเข้าจากแหล่งอื่นมาทดแทนได้ไม่กระทบการบริโภคภายในประเทศ
นอกจากนี้ ยังเผยถึงแนวทางการรับมือสถานการณ์น้ำมันในช่วงตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งกระทรวงพลังงานได้บริหารความเสี่ยง โดยลดสัดส่วนการนำเข้าน้ำมันจากตะวันออกกลางลงเหลือครึ่งหนึ่ง ส่วนการผลิตน้ำมันดิบภายในประเทศ หากมีความจำเป็นก็จะขอความร่วมมือให้งดการส่งออกน้ำมันดิบ และเพิ่มปริมาณการผลิตขึ้น สำหรับด้านราคาน้ำมันในตลาดโลก กองทุนน้ำมันเชื่อเพลิงมีแผนรองรับในกรณีฉุกเฉินเพื่อบริหารจัดการไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนไว้แล้ว
“ขอให้ประชาชนมีความมั่นใจว่า กระทรวงพลังงานจะสามารถบริหารจัดการสถานการณ์ด้านความมั่นคงของการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงให้มีใช้อย่างต่อเนื่อง และด้านราคาไม่ให้เกิดความผันผวนจนส่งผลกระทบต่อประชาชน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกล่าว
Source: FB กระทรวงพลังงาน @ministryofenergy , FB สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ @Sontirat.S