“เสนา” มุ่งดำเนินธุรกิจสีเขียว หรือ Go Green วางเป้าหมายที่จะติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาที่อยู่อาศัย(โซลาร์รูฟท็อป) และสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charger Station) ให้กับทุกโครงการของเสนาหลังเทรนด์โลกมาแรง กระแสตอบรับจากลูกบ้านดีเกินคาดบ่งชี้คนไทยใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ (SENA) ในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกที่ทำหมู่บ้านโซลาร์เต็มรูปแบบ เปิดเผยว่า จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ให้ความใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม ประกอบกับเทรนด์ของโลกและนโยบายของรัฐบาลได้ส่งเสริมพลังงานทดแทนและยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) ทำให้เสนามุ่งดำเนินธุรกิจสีเขียวหรือ Go Green โดยวางเป้าหมายที่จะติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาที่อยู่อาศัย (โซลาร์รูฟท็อป) และสถานีอัดประจุไฟฟ้า(EV Charger Station) ให้กับทุกโครงการของเสนา
“เสนายังคงมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจการนำพลังงานทดแทนมาใช้ในโครงการ ซึ่งที่ผ่านมามีการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป 12 โครงการ หรือ กำลังการผลิตรวม 266 กิโลวัตต์ สามารถช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 44.7 กิโลกรัม หรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 26 ต้น หากมีการติดตั้งโซลาร์ฯ เพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ เราก็จะมีส่วนช่วยในการรักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นอีกด้วย” ผศ.ดร.เกษรา กล่าว
ปัจจุบันมีโครงการที่ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ (Solar Cell) และสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charger Station) ภายในโครงการของเสนาทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมเพื่อบริการให้กับลูกบ้านไปแล้ว ได้แก่ เสนาพาร์คแกรนด์ รามอินทรา, เสนาพาร์ควิลล์ รามอินทรา – วงแหวน, เสนาวิลล์ ศาลายา, เสนาอเวนิว บางกะดี – ติวานนท์ ,เสนาช็อปเฮ้าส์ พหลโยธิน – คูคต, เสนาช็อปเฮ้าส์ ลำลูกกา – คลองสอง, เสนาช็อปเฮ้าส์ บางแค – เทอดไท และคอนโดมิเนียม ได้แก่ นิช โมโน สุขุมวิท 50, นิช โมโน พีค บางนา, และมีเป้าหมายที่จะขยายให้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมการบริการมากขึ้นในอนาคต
“โซลาร์รูฟท็อปนับเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ที่เป็นพลังงานทดแทนที่เทรนด์ของโลกมาแรง และนับวันก็ยิ่งมีต้นทุนที่ต่ำลง เราตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่าและที่สำคัญยังช่วยให้ผู้ซื้อบ้านของเสนาทุกหลังจะได้ใช้ค่าไฟฟ้าที่ถูกลงตลอดระยะเวลา 25 ปีซึ่งคุ้มค่าอย่างมากขณะเดียวกันเสนายังนำโซลาร์รูฟท็อปมาติดตั้งเพื่อใช้ในพื้นที่ส่วนกลางของหมู่บ้านและคอนโดมิเนียมอีกด้วยซึ่งจะมีส่วนสำคัญต่อการยกระดับสิ่งแวดล้อมให้กับสังคมไทย”ผศ.ดร.เกษรากล่าว
สำหรับเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี)นั้นหลายฝ่ายเริ่มมองว่าอาจจะมาเร็วกว่าที่คิดไว้โดยเชื่อว่าปริมาณรถยนต์อีวีจะมีเพิ่มขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้าดังนั้นเพื่อตอบโจทย์ของผู้รักษ์สิ่งแวดล้อมเสนาจึงวางเป้าหมายที่จะติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charger Station) ภายในโครงการของเสนาทั้งแนวราบ และคอนโดมิเนียมภายใต้ชื่อ EV ready รองรับยานยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าทั้งแบบไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) รวมถึงยานยนต์ไฟฟ้าชนิดแบตเตอรี่ (BEV) ให้กับลูกค้าอีกด้วย
“เราให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนการพัฒนาโครงการตั้งแต่การออกแบบและการเลือกใช้วัสดุในการก่อสร้าง โดยมีการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงการออกแบบพื้นที่สีเขียวภายในตัวโครงการ การจัดวางผังให้สามารถรับแสงสว่างได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด และติดตั้งระบบระบายอากาศ รวมถึงการติดตั้งหลอดไฟ LED ทั้งโครงการ ซึ่งแนวทางพัฒนาดังกล่าวพบว่า ผู้บริโภคมีความสนใจมากขึ้นและเชื่อว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้าการพัฒนาบ้านจะรองรับความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการส่งเสริมเมืองอัจฉริยะหรือสมาร์ทซิตี้ของรัฐบาล”ผศ.ดร.เกษรากล่าว