เอปสัน ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการพิมพ์และโปรเจคเตอร์ เผยรายงานความยั่งยืนประจำปีงบประมาณ 2567 (FY2024) ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) โดยเน้นย้ำความมุ่งมั่นใน 3 แกนหลัก ได้แก่ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน การเพิ่มความโปร่งใสในการรายงานข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการขยายโครงการที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมทั่วภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมและการศึกษา
สอดคล้องกับ “Environmental Vision2050” ของเอปสัน ที่มุ่งสู่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ และเลิกพึ่งพาทรัพยากรใต้ดินอย่างสิ้นเชิงภายในปี 2050
ขับเคลื่อนความยั่งยืน 4 ด้าน ลดคาร์บอน 4% ในภูมิภาค SEA

ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เอปสันได้เริ่มเก็บข้อมูลการปล่อยคาร์บอนจากทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2566 ก่อนสรุปความก้าวหน้าเป็นรายงานล่าสุดที่ชี้ให้เห็นความเปลี่ยนแปลงใน 4 ด้านสำคัญขององค์กร ตั้งแต่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน การผลักดันอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยี ไปจนถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตและความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างเป็นรูปธรรม
หนึ่งในสัญญาณสำคัญของการเดินหน้าเพื่อสิ่งแวดล้อม คือการลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลงถึง 11% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่งผลให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงอีก 4% แม้บางประเทศจะได้รับผลกระทบจากโครงข่ายไฟฟ้าที่ปล่อยคาร์บอนสูง แต่ภาพรวมระดับภูมิภาคยังคงเป็นทิศทางบวก คิดเป็นการลดคาร์บอนทางอ้อม (Scope 2) เหลือ 814 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งเท่ากับการใช้พลังงานของ “ตู้เย็นกว่า 4,500 เครื่องต่อปี”
วางเป้ามุ่งสู่ Net Zero ในปี 2050
“ความรับผิดชอบต่อสังคม” ไม่ได้เป็นเพียงภาพลักษณ์ แต่เป็นหนึ่งในเสาหลักของธุรกิจเอปสันทั่วโลก เป้าหมายใหญ่ปี 2050 คือการมุ่งสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ และการใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ทั้งกระบวนการผลิต ซึ่งขณะนี้โรงงานหลายแห่งได้เปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ ลม หรือพลังงานความร้อนจากใต้พิภพ
ด้านผลิตภัณฑ์ เอปสันวางหลักคิดด้านความยั่งยืนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ครอบคลุมการออกแบบ การผลิต การขนส่ง การใช้งาน ไปจนถึงการรับคืนสินค้าเข้าสู่ระบบรีไซเคิล โดยเฉพาะเครื่องพิมพ์ดิจิทัลและเครื่องพิมพ์ผ้า ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อลดทรัพยากรและแทนที่ระบบอนาล็อกที่ก่อของเสียจำนวนมาก นับเป็นการผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อย่างเป็นรูปธรรม

ยกระดับวินัยด้าน Data ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในความท้าทายของงานด้านความยั่งยืนคือ “การเก็บข้อมูล” เอปสันจึงเริ่มสร้างวินัยด้าน Data อย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2023 ทั้งการชั่งขยะทุกสัปดาห์ การบันทึกค่าไฟ ค่าน้ำรายเดือน ไปจนถึงมาตรการในออฟฟิศ เช่น การยกเลิกถังขยะส่วนตัวและการแยกขยะอย่างเคร่งครัด จนถึงวันนี้บริษัทฯ สามารถเปลี่ยนขยะอินทรีย์เป็นปุ๋ยได้กว่า 167 กิโลกรัม นำกลับสู่ชุมชนพนักงานแทนการกลายเป็นขยะฝังกลบ

จัดการ E-waste รับคืน-รีไซเคิล-ยืดอายุเครื่อง
สำหรับหัวใจของการจัดการทรัพยากร เอปสันยังออกแบบโปรแกรมรับคืนอุปกรณ์เพื่อรีไซเคิลอย่างถูกวิธี ไม่ว่าจะเป็นเครื่องพิมพ์ตกรุ่นหรือตลับหมึกใช้แล้ว ซึ่งเมื่อถูกส่งกลับมาจะถูกแยกเป็นพลาสติก โลหะ หรือทอง ก่อนนำไปรีไซเคิลแทนการทิ้งอย่างสูญเปล่า แม้ผลตอบรับของโปรแกรมเก่าแลกใหม่ในไทยที่เพิ่งเปิดตัวไม่ถึง 3 เดือน จะอยู่ในระดับกลาง แต่ถือเป็นสัญญาณว่า “ผู้บริโภคเริ่มเข้าใจและเห็นคุณค่าของการจัดการ E-waste” มากขึ้นเรื่อย ๆ”
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ เดินหน้าลดขยะที่ต้นทางด้วยการยืดอายุการใช้งานผลิตภัณฑ์ จากการรับประกันอะไหล่หลังเลิกผลิตราว 5 ปี ปรับเป็น 7–10 ปี พร้อมพัฒนาเครื่องรุ่นใหม่ให้รองรับงานพิมพ์มากขึ้น เช่น จาก 50,000 แผ่นเป็น 80,000–100,000 แผ่น ช่วยลดความจำเป็นในการเปลี่ยนเครื่องและลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ในระยะยาว
ย้ายออฟฟิศสู่ Green Building เตรียมขยายมาตรการลดคาร์บอนสู่ Scope 3

วิสาข์ ธนวิภาคย์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายแบรนด์และสื่อสารองค์กร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เอปสันได้ย้ายสำนักงานในหลายภูมิภาคเข้าสู่อาคารมาตรฐานสีเขียว โดยในประเทศไทยอาคารสำนักงานได้รับการรับรองระดับแพลทินัม พร้อมเดินหน้าขึ้นทะเบียน Green Office อย่างเป็นทางการ ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังปรับระบบโลจิสติกส์สู่รูปแบบ Drop Shipping เพื่อตัดขั้นตอนคลังสินค้าและลดระยะทางขนส่งลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ลดการปล่อยคาร์บอนจากการกระจายสินค้าได้กว่า 113 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเพิ่มขึ้นถึง 21% เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2566
ทั้งนี้ เอปสันยังขยายขอบเขตการติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ Scope 3 ซึ่งถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายที่สุด เพราะครอบคลุมทั้งห่วงโซ่คุณค่า ตั้งแต่การผลิตวัตถุดิบ การขนส่ง การใช้งานของลูกค้า ไปจนถึงการจัดการซากผลิตภัณฑ์หลังการใช้งาน โดยข้อมูลเชิงลึกชุดใหม่นี้จะนำไปใช้ในการออกแบบมาตรการที่เหมาะกับบริบทของแต่ละประเทศ พร้อมผลักดันโครงการในระดับท้องถิ่นให้เข้าถึงการลดขยะ การอนุรักษ์ทรัพยากร และการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในภาคธุรกิจอย่างแท้จริง
ปัจจุบันเอปสันสามารถรีไซเคิลวัสดุสิ้นเปลืองหมึกได้กว่า 1,600 กิโลกรัม และเปลี่ยนเศษอาหารกว่า 500 กิโลกรัมเป็นปุ๋ย ซึ่งเทียบเท่ามื้ออาหารกว่า 1,700 มื้อ
“แม้ Scope 3 จะยังคงเป็นโจทย์ที่ยากที่สุด แต่เอปสันเริ่มแก้ปัญหาด้วยแนวทางที่จับต้องได้ เช่น การเลือกพันธมิตรทางธุรกิจที่เป็น Green อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมที่ผ่านการรับรอง Green Hotel หรือซัพพลายเออร์ที่มีระบบจัดการสิ่งแวดล้อมชัดเจน ทั้งหมดนี้เพื่อให้ข้อมูล Scope 3 ชัดเจนขึ้น และตอบโจทย์ด้านความยั่งยืนได้ลึกถึงรากของห่วงโซ่อุปทาน” วิสาข์ กล่าว

คืนกำไรสังคมผ่านโต๊ะ–เก้าอี้รีไซเคิลจากตลับหมึกใช้แล้ว
ระดับสังคม เอปสันเดินหน้าสร้างผลกระทบเชิงบวกผ่านโครงการยกระดับคุณภาพชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนการศึกษา นำเทคโนโลยีไปเสริมการเรียนรู้ของเยาวชน และกิจกรรม CSR ผ่านพันธมิตรทั่วประเทศ รวมถึงการตั้งกล่องรับคืนตลับหมึกใช้แล้วจากร้านค้าตัวแทนจำหน่าย เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล ก่อนเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น กระถางต้นไม้ และล่าสุดคือชุดโต๊ะ–เก้าอี้นักเรียนจากพลาสติกรีไซเคิลกว่า 150 ชุด เตรียมนำไปมอบให้โรงเรียนในจังหวัดนครปฐม โดยมั่นใจว่าวัสดุที่ใช้มีความปลอดภัยและผ่านมาตรฐานความแข็งแรงที่เหมาะสมสำหรับเด็ก
คุมเข้มซัพพลายเออร์ สู่ความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน
อีกหนึ่งเสาหลักของเอปสันคือการสร้างโซ่อุปทานที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ จึงกำหนดให้ “การจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว” เป็นเกณฑ์สำคัญในการประเมินซัพพลายเออร์ โดยให้ความสำคัญกับฉลากเขียว วัสดุรีไซเคิล การลดพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง ตลอดจนการใช้พลังงานหมุนเวียนในกระบวนการผลิต ซึ่งมีผลต่อคะแนนประเมินมากถึง 12% แนวคิดนี้ยังถูกนำมาปรับใช้ภายในองค์กร เช่น การเปลี่ยนจากการซื้อคอมพิวเตอร์เป็นการเช่าจากผู้ให้บริการที่มีระบบจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกต้อง
ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เอปสันออกแบบสินค้าภายใต้หลักการ “คิดถึงสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นน้ำ” เครื่องพิมพ์ โปรเจ็กเตอร์ และโซลูชันต่าง ๆ ถูกพัฒนาให้ใช้พลังงานน้อยลง ลดคาร์บอนจากการใช้งานของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นบ้าน สำนักงาน หรือภาคธุรกิจ หมึกพิมพ์สำหรับงานสิ่งทอได้รับมาตรฐาน Eco Passport by OEKO-TEX ยืนยันความปลอดภัยแม้กับเด็กเล็ก และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ยังช่วยลดวัสดุสิ้นเปลือง ขยายอายุการใช้งาน และเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานรุ่นต่อรุ่น
เอปสันเชื่อว่า “ทุกผลิตภัณฑ์สามารถเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้” หากถูกออกแบบอย่างมีความรับผิดชอบตั้งแต่แรกเริ่ม จึงทำให้หลักคิดด้านสิ่งแวดล้อมไม่ใช่เพียงฟีเจอร์หนึ่งของสินค้า แต่กลายเป็น DNA ของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทุกชนิดในพอร์ตของบริษัทฯ อย่างแท้จริง