สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) (สบพน.) เปิดเผยสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ล่าสุดวันที่ 31 มี.ค. 2562 โดยสถานการณ์ราคาแอลพีจีตลาดโลกเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้องนำเงินกองทุนน้ำมันฯ เข้าอุดหนุนเพิ่ม รวมเป็นประมาณ 2.90 บาทต่อกิโลกรัม หรือประมาณเดือนละ 200 ล้านบาท
รายงานจากสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์กรมหาชน) หรือ สบพน. เปิดเผยสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ล่าสุดวันที่ 31 มีนาคม 2562 พบ ฐานะกองทุนสุทธิอยู่ที่ 32,143 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมัน 38,273 ล้านบาท และบัญชีแอลพีจีติดลบอยู่ที่ 6,130 ล้านบาท โดยสนพ. ได้ใช้กลไกบริหารจัดการล่าสุดวันที่ 2 เม.ย. นำเงินมาชดเชยราคาแอลพีจี 2.6035 บาท/กก. แก๊สโซฮอล์ อี20 ชดเชยราคาที่ 0.78 บาท/ลิตร อี85 ชดเชยราคา 6.38 บาท/ลิตร ดีเซลบี20 ชดเชย 4.50 บาท/ลิตร ขณะที่มีการจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนฯในส่วนของแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 อยู่ลิตรละ 2.12 บาท/ลิตร ดีเซลปกติบี7 อยู่ที่ 0.20 บาท/ลิตร
ส่วนในด้านสถานการณ์ราคา LPG ตลาดโลก เดือนเมษายน อยู่ที่ 525 ดอลลาร์ต่อตัน เพิ่มขึ้นราว 50 ดอลลาร์ต่อตันจากเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ในเดือนเมษายนนี้ ต้องใช้เงินจากกองทุนนน้ำมันฯ เข้าอุดหนุนเพิ่ม รวมอุดหนุนอยู่ที่ 2.90 บาทต่อกิโลกรัม หรือใช้เงินอุดหนุนราคา LPG อยู่ที่ประมาณ 200 ล้านบาท โดยยังมั่นใจว่ากรอบวงเงินที่คณะกรรมการบริการนโยบายพลังงาน (กบง.) เคยอนุมัติไว้ที่ 7 พันล้านบาท จะเพียงพอ เนื่องจากคาดการณ์ว่าในช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปี ราคา LPG ตลาดโลกจะเข้าสู่ช่วงขาลง แต่หากไม่เป็นไปตามคาดการณ์ไว้ ก็คงต้องรอนโยบายจากรัฐบาลชุดใหม่ต่อไป
อนึ่ง ราคา LPG ในช่วงเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา เคยปรับขึ้นไปเตะที่ 700-800 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลให้กรองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงรับภาระชดเชยส่วนต่างราคาขายปลีก LPG ในเดือนตุลาคม สูงถึง 7.58 บาทต่อกิโลกรัม ก่อนจะลดการชดเชยในเดือนธันวาคม 2561
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชียวชาญด้านพลังงาน กล่าวว่า สถานการณ์ราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว LPG หรือก๊าซหุงต้ม ในไตรมาส 2 ของปีนี้ คาดจะทรงตัวในระดับสูง เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนในหลายประเทศ ทำให้ความต้องการใช้ LPG ยังปรับสูงขึ้น เนื่องจากในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาสะท้อนตามทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ปรับสูงขึ้น แต่คาดว่า ยังไม่ปรับสูงขึ้นไปกว่าระดับปัจจุบันมากนัก
โดยจากข้อมูลล่าสุด ราคา LPG ในตลาดโลก เดือนมีนาคมที่ผ่านมา อยู่ที่ประมาณ 500 ดอลลาร์ต่อตัน ซึ่งจะส่งผลให้ภาครัฐยังจำเป็นต้องใช้เงินจากกองทุนน้ำมันฯ เข้าไปอุดหนุนส่วนต่างราคา LPG ภาคครัวเรือน ที่รัฐมีนโยบายตรึงราคาถังขนาด 15 กิโลกรัม ไว้ที่ 363 บาท เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ใช้เงินอุดหนุนไปแล้วประมาณ 6 พันล้านบาท
ส่วนสถานการณ์น้ำมันดิบในไตรมาสที่ 2 คาดว่าน้ำมันดิบยังทรงตัว หลังจากช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปรับขึ้นราว 32% และน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับเพิ่มขึ้น 27% โดยในส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมัน คงต้องติดตามสถานการณ์คว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐที่ครบกำหนดในวันที่ 4 พฤษภาคมนี้ ว่าจะมีทีท่าอย่างไร รวมถึงการประชุมของกลุ่มผู้ส่งออกน้ำมัน หรือ โอเปก ในเดือนมิถุนายนนี้ด้วย ว่าจะต่ออายุมาตรการลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีกหรือไม่ ซึ่งในส่วนของซาอุดิอาระเบีย มีท่าทีอยากต่อมาตรการออกไปจนถึงสิ้นปี ขณะที่ฝั่งรัสเซียอย่างต่อมาตรการออกไปถึงเดือนกันยายนนี้ โดยคาดการณ์ว่าในช่วงไตรมาสที่ 2 นี้ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส จะเคลื่อนไหวขึ้นลงในกรอบ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในช่วง 60-65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่บทวิเคราะสถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ของไทยออยล์ ระหว่างวันที่ 1-5 เมษายนนี้ คาดการณ์ราคาน้ำมันดับเวสต์เท็กซัสจะเคลื่อนไหวขึ้นลงในกรอบ 57-62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในช่วง 65-70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบมีแนวโนมทรงตัวในระดับสูง จากสัดส่วนกำลังการผลิตที่ปรับตัวลดลงของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันทั้งในและนอกกลุ่มโอเปก ประกอบกับสถานการณ์ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบจากอิหร่านและเวเนซุเอลาที่ปรับตัวลดลง