มะเร็งปอด ยังคงเป็นโรคฮิตที่เกิดขึ้นได้ทั้งชายและหญิง ส่วนใหญ่ตั้งแต่วัยทำงานจนถึงผู้สูงวัย มะเร็งปอดมักเกิดกับผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ชายมากกว่าในผู้หญิง
สภาพแวดล้อมปัจจุบันในเมืองใหญ่ทั่วโลก รวมถึงกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ ๆ ในประเทศไทย พบว่าอากาศที่เราหายใจมักจะไม่สะอาด มีสารปนเปื้อนมากมาย ตั้งแต่ฝุ่นละออง ควันพิษจากท่อไอเสียรถยนต์+รถจักรยานยนต์ ควันพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม ควันพิษจากการเผาต้นไม้ใบหญ้า และอื่น ๆ อีกกรณีที่ก่อให้เกิดปัญหาของมะเร็งปอด คือ บุหรี่ ทั้งบุหรี่ที่สูบปกติ รวมถึงบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งมีการสูบบุหรี่มากมายตั้งแต่เด็กวัยรุ่น (ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย) จนถึงผู้ใหญ่ทั้งวัยทำงานและผู้สูงวัย
จากการตรวจสอบประวัติผู้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งปอด จะมาจากสาเหตุการสูบบุหรี่ถึง 87% ส่วนอีก 13% มาจากสาเหตุอื่น อะไรคือต้นเหตุของการเกิดมะเร็งปอดจากการสูบบุหรี่หรือรับควันจากบุหรี่อยู่เป็นประจำ ในบุหรี่จะมีสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกายอยู่มากมาย เวลาเผาไหม้ออกมาในรูปแบบควันบุหรี่จะมีสารพิษหลัก ๆ ที่พบ คือ สารนิโคติน น้ำมันดิน คาร์บอนมอนอกไซด์ คาร์บอนไดออกไซด์ กำมะถัน ฯลฯ ซึ่งสารดังกล่าวที่ยกตัวอย่างมาเป็นสารก่อมะเร็งในปอด เมื่อผู้ป่วยสูบบุหรี่เป็นประจำ จะทำให้สารพิษต่าง ๆ เหล่านี้เกาะในผนังหลอดลมและถุงลมในปอด เนื้อเยื่อในถุงลมและหลอดลมจะถูกทำลายไปตลอดเวลา จะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน และความมากน้อยของบุหรี่ที่สูบในแต่ละวัน
อาการที่บ่งบอกถึงความผิดปกติภายในเนื้อเยื่อ ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการไอระคายเคืองคอจากควันบุหรี่ เริ่มมีอาการไอและมีเสมหะเกิดขึ้น เสมหะมักมีสีเหลือง เขียวอ่อน จนถึงสีน้ำตาล เริ่มรู้สึกเหนื่อยง่าย หายใจลำบากขึ้น น้ำหนักตัวลด กลางคืนมักจะนอนไม่หลับจากการมีเสมหะระคายเคืองคอ ต้องลุกขึ้นไอตลอด จนในที่สุดเสมหะที่ออกมามีเลือดปนด้วย เหนื่อยมากขึ้น หายใจลำบาก เมื่อมาพบแพทย์และทำการเอกซเรย์ปอด พบว่าเนื้อเยื่อปอดถูกทำลาย อาจจะเป็นข้างใดข้างหนึ่งของปอดหรือทั้ง 2 ข้าง แล้วแต่การตรวจพบเร็วหรือช้า ร่างกายอ่อนเพลีย นอนไม่ค่อยหลับ รับประทานอาหารได้น้อยลง เมื่อแพทย์พบว่าเป็นมะเร็งปอดมักจะอยู่ในระยะ 2-3 หรือระยะสุดท้าย และมีการกระจายตัวของเซลล์มะเร็งไปยังอวัยวะอื่นด้วย เช่น ต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้ปอด กระดูกซี่โครง จนถึงตับ และกระดูกสันหลัง
การรักษา หากเริ่มตรวจพบในระยะเริ่มแรก ก้อนมะเร็งยังไม่ใหญ่โต อาการที่แสดงยังไม่รุนแรง การผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออกเป็นวิธีที่ดีที่สุด หลังการผ่าตัดอาจต้องให้คีโมบำบัด หรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา หากมั่นใจว่าผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออกได้หมด คีโมบำบัดอาจไม่จำเป็น โดยทั่วไปแพทย์จะนัดตรวจเพื่อเฝ้าดูอาการ ส่วนในรายที่มะเร็งก้อนโตและระยะกระจายไปส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย คงต้องรักษาด้วยคีโมบำบัดหรือรักษาแบบประคับประคองตามอาการ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว การรักษาจะไม่ดีเท่าที่ควรและผู้ป่วยมักจะเสียชีวิต