ภาวะกระดูกพรุน การรักษา และการป้องกัน


กระดูกพรุนมักเกิดกับผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่  65 ปีขึ้นไป เกิดจากความเสื่อมของเซลล์กระดูกในร่างกาย ทำให้ความหนาแน่นของมวลกระดูกลดน้อยลง การดูดซึมแคลเซียมของร่างกายลดลง เกิดความเปราะบางของกระดูกและมีรูพรุนเกิดขึ้นในเซลล์กระดูก ความเปราะบางของกระดูกและรูพรุนนี้เอง ที่สร้างปัญหาให้แก่ผู้สูงอายุ มักมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดกระดูกและข้อต่อของกระดูก

มีอาการตั้งแต่ปวดเมื่อยเล็กน้อยจนถึงขั้นปวดเมื่อยอย่างรุนแรง และเป็นปัญหาต่อการเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ที่พบบ่อยมักมีอาการปวดหลัง ปวดท้ายทอย ปวดตามแขน-ขา ปวดหัวไหล่ ปวดเข่า ปวดกระดูกข้อเท้า ปวดตามนิ้วมือ และที่พบเป็นประจำคือ ปวดหลังและปวดเข่าจะพบบ่อยและมากที่สุด นอกจากนี้ยังพบว่ามีอาการทางระบบประสาทร่วมด้วย เช่น ปวดท้ายทอย ร่วมกับการชาแขนและปลายนิ้วมือ หรือปวดหลังและมีอาการชาร่วมด้วย เนื่องจากเกิดภาวะกระดูกเสื่อมของกระดูกสันหลัง รวมถึงหมอนรองกระดูกสันหลัง และอาจมีหินปูนเกาะตามแนวกระดูกสันหลัง ระดับท้ายทอยและระดับบั้นเอว เกิดอาการปวดแขนหรือขา โดยเริ่มต้นปวดท้ายทอยหรือปวดหลัง แล้วจึงเกิดอาการปวดร้าวลงแขนหรือขา ร่วมกับอาการชาร่วมด้วย โดยทั่วไปเรามักจะเรียกว่า โรคกระดูกทับเส้น อาการของโรคขึ้นอยู่กับความรุนแรงของความเสื่อมของกระดูกสันหลัง

อีกอาการหนึ่งที่มักเกิดขึ้นได้ง่าย คือ กระดูกหัก เมื่อมีภาวะกระดูกพรุน กระดูกเปราะบาง เวลาเกิดอุบัติหตุ แม้จะไม่รุนแรง เช่น หกล้มหรืออุบัติเหตุจากการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายที่หักโหมเกินไป ทำให้กระดูกหักได้ง่าย

การรักษา มีทั้งการรักษาด้วยยารับประทาน ยาฉีดเข้ากล้ามเนื้อ รวมถึงการผ่าตัดต่อบริเวณที่กระดูกพรุนหรือกระดูกหัก ผู้ป่วยส่วนใหญ่ต้องพักรักษาตัวเป็นเวลายาวนาน รวมถึงการทำกายภาพบำบัดร่วมด้วย เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพทางกายให้กลับคืนมาสู่ปกติหรือใกล้เคียงปกติ ผู้ป่วยบางรายต้องพิการตลอดชีวิต อาจต้องใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงตัวหรือช่วยการเดิน เช่น ไม้ค้ำยันรักแร้ ไม้เท้า รวมถึงการใช้เครื่องช่วยพยุงการเดิน (WALKER) หรือบางรายมีความพิการรุนแรง อาจต้องนั่งรถเข็น (WHEEL CHAIR) ไปตลอดชีวิต

การป้องกัน รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสม่ำเสมอ ตั้งแต่วัยหนุ่มสาว เช่น ดื่มนม ไข่ ผักสีเขียวทุกชนิด ธัญพืช พวกถั่วต่าง ๆ รวมถึงการรับประทานผลไม้ที่มีวิตามิน เกลือแร่ เสริมความแข็งแรงและแข็งแกร่งของกระดูก รวมถึงโปรตีนจากเนื้อสัตว์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ