งานวิจัยของ BloombergNEF (BNEF) คาดการณ์ว่า ด้วยราคาต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่ที่ต่ำลง รวมถึงต้นทุนในสายการผลิตที่ลดลง ทำให้ภายในปี 2027 รถยนต์ไฟฟ้าจะมีราคาที่ถูกกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และด้วยกฏระเบียบและมาตรการควบคุมการปล่อยมลพิษที่มีความเข้มงวดยิ่งขึ้น ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตและครองตลาดยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งหมดภายในกลางทศวรรษหน้า
BloombergNEF ได้คาดการณ์ว่าภายในปี 2026 ยอดการผลิตยานยนต์พาหนะขนาดใหญ่ เช่น รถเก๋ง และ SUV จะเทียบเท่ากับยอดการผลิตของรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงจากเบนซินและดีเซล ส่วนรถยนต์ขนาดเล็กก็จะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นเช่นกันในปีถัดไป
นอกจากนี้ ด้วยต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ลดลง รวมถึงต้นทุนในสายการผลิตของโรงงานผลิตรถยนต์ ทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาเฉลี่ยถูกลงภายใน 6 ปีข้างหน้าเมื่อเทียบกับรถยนต์ทั่วไป แม้จะไม่มีมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐก็ตาม และต้นทุนของแบตเตอรี่ในอนาคตที่คาดว่าจะยังคงมีราคาต้นทุนที่ลดลงในปีต่อๆ ไป จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าเติบโตยิ่งขึ้น
จากข้อมูลยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2020 แสดงให้เห็นถึงตัวเลขยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหภาพยุโรปและจีน แต่นักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมยังคงเรียกร้องให้รัฐบาลออกกฏข้อบังคับด้านการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดยิ่งขึ้นเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเปลี่ยนใจเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นนั่นเอง
ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรได้วางแผนที่จะห้ามการขายรถยนต์เชื้อเพลิงฟอสซิลใหม่ตั้งแต่ปี 2030 ในขณะที่บริษัทในยุโรปเรียกร้องให้สหภาพยุโรปกำหนดให้ปี 2035 เป็นวันที่สิ้นสุดการขายรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป
ปัจจุบัน ต้นทุนแบตเตอรี่คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1 ใน 4 ถึง 2 ใน 5 ของต้นทุนรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ก่อนหน้านี้ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลกไม่เต็มใจที่จะเปลี่ยนการผลิตจากรถยนต์เชื้อเพลิงฟอสซิลที่ทำกำไรได้ แต่ด้วยราคาแบตเตอรี่ที่ลดลง ส่งผลถึงต้นทุนการผลิตที่ลดลง ยิ่งทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าดึงดูดใจผู้บริโภคมากขึ้น โดยเฉพาะระยะทางที่เพิ่มขึ้นที่รถสามารถวิ่งได้ต่อการชาร์จ และการปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จที่มีอย่างครอบคลุม ช่วยให้ใช้งานสะดวกและรวดเร็วขึ้น การใช้รถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นเรื่องง่ายขึ้น และขยายตัวเร็วในตลาด เช่นที่เกิดขึ้นในประเทศนอร์เวย์มาแล้ว
Source: www.theguardian.com/business/2021/may/09/electric-cars-will-be-cheaper-to-produce-than-fossil-fuel-vehicles-by-2027