ด้วยเงินลงทุนรอบใหม่ 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะช่วยให้ Dat Bike สามารถขยายกำลังการผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ขยายตลาด และสร้างเครือข่ายการจัดจำหน่าย เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของเวียดนาม และ Dat Bike ยังมีแผนขยายการลงทุนมายังตลาดประเทศไทย
กรุงเทพฯ: Dat Bike สตาร์ทอัปรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของเวียดนาม ได้รับเงินลงทุนรอบใหม่กว่า 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการระดมทุน Series B ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าการระดมทุนครั้งก่อนถึงหนึ่งเท่าตัว ทำให้สัดส่วนการลงทุนรวมแตะ 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
การระดมทุนรอบใหม่นี้นำโดย F.C.C ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว และ Rebright Partner บริษัทเวนเจอร์แคปิตอลจากญี่ปุ่น รวมถึง Jungle Venture หนึ่งในบริษัทเวนเจอร์แคปิตอลชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็เข้าร่วมลงทุนในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มนักลงทุนรายใหม่ อาทิ Cathay Venture ซึ่งเป็นหน่วยลงทุนของกลุ่มบริษัทการเงินใหญ่ที่สุดในไต้หวัน AiViet Venture กองทุนเวนเจอร์แคปิตอลที่เน้นลงทุนในสตาร์ทอัปด้านเทคโนโลยีและสุขภาพ โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้นำในอุตสาหกรรมอย่าง FPT, MoMo, Galaxy และ Kyber Network

การระดมทุนนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของเวียดนามกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ จากนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนการใช้ยานหาพนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ รวมถึงการห้ามรถจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในเขตเมืองฮานอย ซึ่งกฎหมายนี้จะมีผลบังคับใช้ในเดือนกรกฎาคม ปี 2569 การเติบโตของ Dat Bike ไม่เพียงสะท้อนถึงความสำเร็จทางธุรกิจเท่านั้น แต่บริษัทยังมีส่วนสำคัญในการผลักดันการเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
“ความสำเร็จในครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นของ Dat Bike ภายใต้การสนับสนุนจากนักลงทุนทั่วโลก เราสามารถขยายกำลังการผลิต และเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ควบคู่กับการผลักดันรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับคนเวียดนามและประเทศต่างๆ ในภูมิภาค” ซอน เหงียน ซีอีโอ Dat Bike กล่าว
“ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นประกอบกับความเข้าใจเชิงลึกในห่วงโซ่อุปทานของประเทศ ทำให้เราสามารถสร้างนวัตกรรมและพัฒนารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องเพื่อแข่งขันกับรถน้ำมัน ทั้งในด้านของสมรรถนะและระยะทางวิ่ง การลงทุนในครั้งนี้เป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาระบบนิเวศของยานยนต์ไฟฟ้าของเวียดนาม รวมถึงขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
การระดมทุนของ Dat Bike ในครั้งนี้ จะนำไปใช้เพื่อการขยายกำลังการผลิตของโรงงาน การปรับปรุงเครื่องจักรที่ทันสมัย และการนำระบบ Automation มาช่วยในการผลิต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตให้ทันกับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงพัฒนาบริการหลังการขายกับลูกค้านับหมื่นราย ที่ใช้รถจักรยานยนต์ของบริษัทเป็นพาหนะในการเดินทางที่สะดวก ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้เงินทุนอีกส่วนหนึ่ง จะถูกนำไปใช้เพื่อพัฒนางานวิจัยของ Dat Bike ทั้งในด้านการค้นคว้าเทคโนโลยีใหม่ๆ และการขยายโมเดลรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่อไป รวมถึงการใช้เงินลงทุนครั้งนี้เพื่อพัฒนาบริการในช่องทางการจัดจำหน่ายและบริการหลังการขายสำหรับลูกค้าทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
นอกจากนี้ บริษัทยังมีความร่วมมือกับแพลตฟอร์มด้านการขนส่ง และผู้ให้บริการสินเชื่อเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับลูกค้าในการเปลี่ยนจากรถจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไปเป็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น รวมถึงการระดมทุนในครั้งนี้ยังเป็นการบรรลุความร่วมมือของการเป็นหุ้นส่วนในเชิงกลยุทธ์ระหว่าง F.C.C. และ Dat Bike เพื่อส่งเสริมการใช้จักรยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
“Dat Bike เป็นสตาร์ทอัพชั้นนำของประเทศเวียดนามที่พัฒนา ผลิต และจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ที่มีโอกาสในการเติบโตสูงมากในตลาดอาเซียน ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งและมีวิสัยทัศน์ในระยะกลางและระยะยาว เราจึงตกลงเป็นหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์สำหรับภูมิภาคอาเซียน” โฆษกของ F.C.C. กล่าว
“ความร่วมมือหุ้นส่วนในเชิงกลยุทธ์ระหว่าง Dat Bike และ F.C.C. จะครอบคลุมการจัดหาชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงข้อตกลงร่วมกันในการสร้างสังคมแห่งการขับขี่อย่างยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคม โดยตอบสนองความต้องการของชุมชน การแก้ไขปัญหาสังคม ผ่านการสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า การบริหารจัดการที่ดี และการจัดการกับห่วงโซ่อุปทานด้วยศักยภาพในฐานะผู้นำตลาดระดับโลกในธุรกิจผลิตคลัตช์ของเรา”
โอกาสเติบโตและการรุกตลาดในประเทศไทย
การเติบโตของตลาดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้นโยบายของภาครัฐ มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้า นอกเหนือจากประเทศเวียดนามแล้ว ประเทศไทยได้กลายเป็นศูนย์กลางของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาค ด้วยนโยบายสนับสนุนการใช้รถ EV และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของพลังงานสะอาด ประเทศไทยมีศักยภาพสูงจากตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ ที่มียอดจำหน่ายมากกว่า 1.71 ล้านคันในปี 2567 แม้ปัจจุบันตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าจะมีสัดส่วนประมาณ 1% ของตลาดโดยรวม แต่การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้ายังมีการเติบโตอย่างรวดเร็วตามนโยบาย EV 3.0 ของรัฐบาล ภายใต้นโยบายนี้ภาครัฐจะส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าผ่านการนำเสนอสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น การลดภาษี การให้เงินสนับสนุน การให้ส่วนลด รวมถึงการลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต การสนับสนุนเหล่านี้ช่วยเร่งให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตขึ้น และเป็นโอกาสที่ดีในการขยายตลาดและสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรของ Dat Bike