เอไอเอ ประเทศไทย ผนึก กทม. และศูนย์ EEC สานต่อแคมเปญ “AIA+ Go Green ปีที่ 2” ตั้งเป้าลดกระดาษ 400,000 แผ่น พร้อมปลูกต้นไม้ 10,000 ต้นทั่วกรุงเทพฯ


กรุงเทพฯ : เอไอเอ ประเทศไทย พร้อมด้วยพันธมิตรด้านความยั่งยืนอย่าง กรุงเทพมหานคร และศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (EEC) เดินหน้าสานต่อแคมเปญ AIA+ Go Green ปีที่ 2 ภายใต้สโลแกน “AIA+ พลัสชีวิตดี ๆ ให้คุณ” ร่วมรณรงค์การทำ ธุรกรรมแบบไร้กระดาษ (Paperless Transactions) โดยเชิญชวนให้ลูกค้าสมัครใช้บริการ E-Document (เอกสารอิเล็กทรอนิกส์) และ E-Receipt (ใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์) ผ่านแอปพลิเคชัน AIA+ (เอไอเอ พลัส) โดยทุก ๆ 10 กรมธรรม์ เอไอเอ จะปลูกต้นไม้เพิ่มหนึ่งต้น พร้อมตั้งเป้าหมาย 100,000 กรมธรรม์ หรือเท่ากับ 10,000 ต้น ทั่วกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะสามารถช่วยลดการใช้กระดาษได้มากกว่า 400,000 แผ่นต่อปี เทียบกับจำนวนต้นไม้ถึง 48 ต้น ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน ESG ของ เอไอเอ เพื่อมุ่งสร้างสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนให้แก่ผู้คนและสังคมไทย

AIA+ เป็นแอปพลิเคชันที่มอบความสะดวกในการตรวจสอบรายละเอียดกรมธรรม์ การชำระเบี้ยประกันภัย การยื่นเคลม การเข้าถึงบริการสุขภาพและการดูแลชีวิตได้อย่างครบวงจร รวดเร็ว ปลอดภัย ตามสโลแกน AIA+ พลัสชีวิตดี ๆ ให้คุณ

นิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า แคมเปญ AIA+ Go Green สะท้อนความมุ่งมั่นของ เอไอเอ ในการขับเคลื่อนความยั่งยืนผ่านเทคโนโลยีและการดูแลสุขภาพ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญของการมีชีวิตที่ดีอย่างแท้จริง ทั้งยังสอดคล้องกับพันธกิจ AIA One Billion ที่มุ่งสนับสนุนการสร้างสุขภาวะที่ดีให้กับผู้คนหนึ่งกว่าพันล้านคนภายในปี 2573โดยปีนี้เราได้ร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร และ EEC พันธมิตรด้านสิ่งแวดล้อมปลูกต้นไม้ 10,000 ต้น เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพมหานคร และสร้างแรงบันดาลใจให้ประชาชนหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพราะสิ่งแวดล้อมที่ดีย่อมส่งเสริมให้ผู้คนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ Rethink Healthy ที่เอไอเอ ต้องการสนับสนุนให้ทุกคนปรับมุมมองเกี่ยวกับสุขภาพ โดยเน้นให้เห็นว่า ‘สุขภาพดี’ ไม่ได้หมายถึงแค่ร่างกายแข็งแรงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการมีจิตใจที่ดี ความมั่นคงทางการเงิน และการอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถเริ่มต้นได้จากการลงมือทำสิ่งเล็ก ๆ ที่เราทำได้ด้วยตัวเอง เช่น การเลือกเดินแทนการใช้รถ การลดการใช้พลาสติก หรือการปลูกต้นไม้ที่บ้าน เมื่อทำอย่างสม่ำเสมอ สิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ทั้งในระดับบุคคลและสังคม เราจึงอยากเชิญชวนทุกคนให้มาร่วมกันนิยามความหมายใหม่ของสุขภาพดีในแบบของตนเอง พร้อมร่วมดูแลโลกใบนี้ให้เป็นพื้นที่ที่เอื้อต่อการมีชีวิตที่ยั่งยืน

ด้านสุธนิศร์ สุริโยทัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันเอไอเอมีกรมธรรม์ลูกค้ากว่า 5 ล้านฉบับ โดยในปี 2567 ซึ่งเป็นปีแรกที่เอไอเอให้บริการกรมธรรม์ E-Document และ E-Receipt มีลูกค้าราว 150,000 ฉบับ โครงการแคมเปญ AIA+ Go Green ปีที่สองจึงเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสะท้อนพันธกิจด้าน ESG ของเอไอเอ ด้านการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางธุรกิจ การดูแลผู้คน และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การส่งเสริมให้ลูกค้าหันมาใช้ E-Document แทนเอกสารกระดาษ จึงไม่เพียงช่วยลดการใช้ทรัพยากร แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของเอไอเอ ในการก้าวสู่ Net Zero ภายในปี 2593 ภายใต้การขับเคลื่อน ESG ที่ครอบคลุมทั้งด้านสุขภาพ การลงทุน การดำเนินงาน บุคลากร และการกำกับดูแลองค์กรที่เข้มแข็ง โดยเอไอเอจะลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียน รวมถึงเทคโนโลยีเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ดร. คริสเตียน โรแลนด์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และดิจิทัล เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า เอไอเอ ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation) ผ่านแอปพลิเคชัน AIA+ ที่ออกแบบมาเพื่อมอบความสะดวกสบายควบคู่กับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผู้ใช้สามารถเข้าร่วมแคมเปญ AIA+ Go Green ได้ภายในแอป ทำให้การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกลายเป็นกิจกรรมง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน นอกจากจะช่วยลดการใช้กระดาษแล้ว AIA+ ยังมีระบบความปลอดภัยสูง จึงมั่นใจได้ว่าเอกสารสำคัญจะถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัยและพร้อมใช้งานตลอดเวลา ลดปัญหาเอกสารสูญหายหรือค้นหาไม่เจอ ยกระดับการเข้าถึงบริการ เอไอเอ ผ่านโทรศัพท์มือถือแบบไร้รอยต่อ

นอกจากนี้ เอไอเอ ยังเตรียมต่อยอดประสบการณ์จากแอปพลิเคชัน AIA+ สู่โลกจริง ผ่านกิจกรรม AIA+ Go Green Grooving in the Park ในปีหน้า เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสการมีส่วนร่วมด้านความยั่งยืนในมิติใหม่ เชื่อมโยงการใช้งานดิจิทัลเข้ากับกิจกรรมไลฟ์สไตล์ที่สนุกและสร้างสรรค์ รวมทั้งมีฟีเจอร์สะสมคะแนน เพื่อส่งเสริมให้ลูกค้าข้าร่วมแคมเปญ AIA+ Go Green มากขึ้น

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงทพมหานคร มุ่งมั่นสร้างพื้นที่สีเขียวร่วมกับภาคเอกชน เพื่อยกระดับคุณภาพเมืองและคุณภาพชีวิตของประชาชน สวนเบญจกิติเป็นพื้นที่ต้นแบบที่ผสานวิถีชีวิตคนเมืองเข้ากับธรรมชาติได้อย่างลงตัว การจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ภายในสวน นอกจากจะสอดคล้องกับนโยบายของเราในการปลูกต้นไม้หนึ่งล้านต้นในกรุงเทพฯ แล้ว ยังช่วยสร้างความตระหนักรู้และให้คนเมืองเห็นคุณค่าถึงความสำคัญของธรรมชาติมากยิ่งขึ้น กรุงเทพมหานครขอขอบคุณ เอไอเอ ที่ขับเคลื่อนแคมเปญด้านความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือครั้งนี้ช่วยส่งเสริมให้ประชาชนมีวิถีชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนการพัฒนากรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคนต่อไป

อเล็กซ์ เรนเดลล์ ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (EEC) พันธมิตรหลัก กล่าวว่า ต้องการเห็นเมืองไทยมีพื้นที่สีเขียวมากขึ้นเหมือนต่างประเทศ ให้กรุงเทพฯ เหมือนเป็นบ้าน (as a home) อีกทั้งปัจจุบันคนไทยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่เริ่มหันมาออกกำลังกายและใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น สอดรับแนวคิด Longevity

“การที่ EECได้สานต่อความร่วมมือกับ เอไอเอ โดยความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำเจตนารมณ์ร่วมกันในการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนและได้มีบทบาทในการสนับสนุน เอไอเอ ในการผลักดันแคมเปญที่สร้างคุณค่าต่อธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว และสงเสริมการลดใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น เราเชื่อมั่นว่าแคมเปญนี้จะช่วยสร้างความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชนและคนรุ่นใหม่ พร้อมกระตุ้นให้ทุกคนหันมาเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลรักษาธรรมชาติอย่างจริงจัง โดยคาดว่ามีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 1,000 คน” อเล็กซ์ กล่าว

เอไอเอ เตรียมจัดงาน AIA+ Go Green Festival – Grooving in the Park ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2569 ณ สวนเบญจกิติ ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร และพันธมิตร อาทิ EEC, Layers of emotions, Aura, Absolute Boutique Fitness Studio, FORM Recovery, Yolo, McDonald’s, สมิติเวช และอื่น ๆ โดยในงานจะมีกิจกรรมมากมายที่จะมอบประสบการณ์ ความสนุกสนานควบคู่กับการเรียนรู้เรื่องความยั่งยืน ผ่านคอนเสิร์ตจากวงลิปตา กิจกรรมเวิร์กชอป การจัดการขยะ และการเดินทางที่ลดการปล่อยคาร์บอน ซึ่งนับเป็นการผนวกความบันเทิงและสร้างการมีส่วนร่วมด้านสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว