Black & Veatch โชว์เทคโนโลยีพลังงานสะอาดในงาน EnlitAsia 2025 หนุนไทยสู่เป้าหมาย Net Zero


Enlit Asia 2025 งานชั้นนำด้านพลังงานของอาเซียน เวทีรวบรวมผู้นำอุตสาหกรรม ผู้กำหนดนโยบาย และนักนวัตกรรม มาร่วมกำหนดทิศทางอนาคตพลังงานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัย พร้อมส่งเสริมการสนทนาเชิงลึกตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าพลังงาน ตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการมีส่วนร่วมของผู้ใช้พลังงานในทุกมิติ ในระหว่างวันที่ 9–11 กันยายน 2568 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ กรุงเทพฯ (BITEC)

ภายในงาน มีผู้จัดแสดงมากกว่า 350 ราย ครอบคลุมผู้ให้บริการสาธารณูปโภคในภูมิภาค ผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ ผู้พัฒนาโครงการ ที่ปรึกษา วิศวกร และผู้ใช้พลังงานรายใหญ่  โดยจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงจากผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรมพลังงาน

Black & Veatch  แสดงความมุ่งมั่นต่อการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเข้าร่วมงาน EnlitAsia 2025 เพื่อแสดงความเชี่ยวชาญของทีมงานท้องถิ่นและสนับสนุนผู้ให้บริการสาธารณูปโภค

Patrick Hogan, Chief Business Evolution Officer, Black & Veatch Corporation กล่าวว่า Black & Veatch เป็นบริษัทให้คำปรึกษา วิศวกรรม และก่อสร้างระดับโลก ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมายาวนานเกือบ 70 ปี และมีความเชี่ยวชาญตั้งแต่อุตสาหกรรมถ่านหินแบบดั้งเดิม จนถึงการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานก๊าซธรรมชาติที่สะอาด ซึ่งปัจจุบันผลิตพลังงานให้กับประเทศไทประมาณ 58% ของความต้องการทั้งหมด  โดยบริษัทฯ มีส่วนร่วมอย่างมากในโครงการพลังงานหมุนเวียน รวมถึงโซลาร์ฟาร์มขนาดใหญ่และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ พร้อมช่วยลูกค้าในการประเมินการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตของศูนย์ข้อมูลและเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)

บริษัทฯ มีโครงการสำคัญครอบคลุมการลดคาร์บอนด้วยเทคโนโลยีสีเขียว เช่น ไฮโดรเจนสีเขียว แอมโมเนีย และการดักจับคาร์บอนเพื่อแปรสภาพเป็นเชื้อเพลิงอากาศยานที่ยั่งยืน นอกจากนี้ยังสนับสนุนลูกค้าในการวางแผนพลังงานนิวเคลียร์รุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Small Modular Reactors (SMRs) ทั้งนี้ บริษัทฯ มีประวัติความสำเร็จในโครงการต่าง ๆ มากมาย โดยมีโครงการร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ( EGAT )  ตั้งแต่กฟผ.จัดตั้งขึ้นทั้งหมด170 โครงการ  นอกจากนี้ยังร่วมมือกับบริษัททั้งในและต่างประเทศ พร้อมสนับสนุนบริษัทข้ามชาติที่เข้าสู่ตลาดไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูล

ปัจจุบันเทคโนโลยี Small Modular Reactors (SMRs)   หรือเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กแบบโมดูลาร์  ได้รับการนำเสนอว่าเป็นเทคโนโลยีที่ปลอดภัยและมั่นคง ด้วยการออกแบบที่สามารถปิดการทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อเกิดความผิดปกติ ซึ่งมีการใช้งานที่พิสูจน์แล้วโดยกองทัพเรือหลายประเทศ การพัฒนา SMRs ในประเทศไทยถือเป็นการเดินทางระยะยาวที่ต้องพิจารณาด้านเศรษฐกิจ นโยบาย การฝึกทักษะ และการให้ความรู้แก่ประชาชน สำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ SMRs มีขนาดพื้นที่เล็ก ทำให้สามารถก่อสร้างแบบโมดูลาร์เพื่อผลิตไฟฟ้าระดับกิกะวัตต์ โดยใช้ระยะเวลาในการติดตั้งราว 3–5 ปี รวมทั้งการออกแบบและก่อสร้าง พร้อมระยะเวลาการขออนุญาตเพิ่มเติมอีก 5 ปี

สำหรับการลงทุนโดยประมาณสำหรับแคมปัสที่ติดตั้ง SMRs หลายเครื่องขนาด 300–500 เมกะวัตต์ อยู่ที่ประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มีอายุการใช้งานของ SMR ประมาณ 35–40 ปี

Patrick Hogan กล่าวว่า นอกจาก SMRs แล้วยังมีเทคโนโลยีชั้นนำอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนโลกดิจิทัล ไฮโดรเจนสีเขียวถูกเน้นว่าเป็นแหล่งพลังงานที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะเมื่อรวมกับพลังงานแสงอาทิตย์และลม ส่วนการดักจับคาร์บอนและพลังงานชีวมวลช่วยลดปริมาณคาร์บอนและสร้างแหล่งเชื้อเพลิงไฟฟ้าใหม่

บริษัทฯ กำลังลงทุนและจ้างงานบุคลากรท้องถิ่น ส่งเสริมแรงงานที่มีความภักดีและทำงานระยะยาว ปัจจุบันมีพนักงานประมาณ 12,000 คนทั่วโลก ในประเทศไทยมากกว่า 300 คน และในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเกือบ 1,500 คน

“Black & Veatch ถือเป็นผู้เล่นรายสำคัญในภาคพลังงานของประเทศไทย  ซึ่งให้บริการครอบคลุมตั้งแต่โครงการพลังงานแบบดั้งเดิมจนถึงพลังงานสีเขียว มีส่วนร่วมในการพัฒนา SMRs และเทคโนโลยีใหม่ ๆ พร้อมมุ่งมั่นต่อภูมิภาค และให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและการเติบโตระยะยาว”  Patrick Hogan กล่าวสรุป