บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าคุณภาพระดับสากล ประกาศเป้าหมายเชิงกลยุทธ์เพื่อการเติบโตทางธุรกิจถึงปี 2030 ไฮไลท์แผนการดำเนินงานในสามประเทศยุทธศาสตร์ มุ่งผลิตและส่งมอบพลังงานที่สามารถสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
อิศรา นิโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP กล่าวว่า ในฐานะผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าคุณภาพระดับสากล BPP เน้นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับสินทรัพย์ที่มีอยู่ โดยตั้งเป้าผลิตไฟฟ้าใหม่จากธุรกิจก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น 1,500 เมกะวัตต์ภายในปี 2030 จากกำลังผลิตรวมปัจจุบันที่ 3,652 เมกะวัตต์ โดยทุ่มงบลงทุนกว่า 1,000-1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ พร้อมเป้าหมายเชิงกลยุทธ์เพื่อการเติบโตทางธุรกิจถึงปี 2030 ใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1) การเน้นสร้าง EBITDA (กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) รวมมากกว่า 1.8 เท่าเทียบจากปี 2022 – 2023 อยู่ที่ 8,155 ล้านบาท 2) 65% ของ EBITDA หรือ 2 ใน 3 มาจากธุรกิจที่ใช้พลังงานสะอาด และ 3) ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยการผลิตจาก 0.676 ให้เหลือน้อยกว่า 0.549 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อเมกะวัตต์ชั่วโมง
สำหรับแผนการดำเนินงานเชิงรุกใน 3 ประเทศ ยุทธศาสตร์สำคัญของBPP คือ เน้นการต่อยอดธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ CCGT (Combined Cycle Gas Turbines) สำหรับสหรัฐฯ ผ่านการร่วมทุนกับ BKV ขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน และโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCUS) ส่วนประเทศจีน ผนึกกำลังกับพันธมิตร เพื่อขยายพอร์ตโฟลิโอพลังงานหมุนเวียนและส่งเสริมการศึกษาการใช้เชื้อเพลิงชีวมวลร่วมในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (CHPs) ทั้ง 3 แห่ง เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สำหรับประเทศอินโดนีเซีย เน้นลงทุนในพลังงานทดแทนที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติ (Gas Value Chain) และการพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel) เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น และสร้างงานแก่ชุมชน
นอกจากนี้ BPP ยังคงเดินหน้าสานพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน การบริหารจัดการต้นทุนในสินทรัพย์ที่มีอยู่ทั้งหมด และการเสริมศักยภาพในการทำกำไรจากธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเพื่อสร้างโอกาสเติบโตอย่างมั่นคงในธุรกิจหลักของบริษัทฯ พร้อมขยายการลงทุนไปสู่พื้นที่ใหม่ ๆ ในธุรกิจที่จะมาสนับสนุนการลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างมีความรับผิดชอบ ตามแนวทาง Beyond Quality Megawatts แสดงจุดยืนว่า BPP เป็นบริษัทฯ ผู้ผลิตพลังงานยั่งยืนชั้นนำ มีการบริหารจัดการภาพรวมธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ และสานต่อความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Decarbonization)
อิศรา กล่าวต่อว่าแผนการดำเนินงาน 4 เสาหลักที่มุ่งสู่การเติบโตในปี 2030 ประกอบด้วย 1.CCGT (Combined Cycle Gas Turbine) 2.โมเดลธุรกิจ PPA (Power Purchase Agreement) การสร้างสมดุลระหว่างโมเดลธุรกิจดั้งเดิมและที่ยืดหยุ่น โดยเน้นการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวในตลาดที่มีศักยภาพ พร้อมทั้งรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา 3.ธุรกิจ CCUS (Carbon Capture, Utilization, and Storage) เป็นการกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อกักเก็บลงใต้ดิน ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินโครงการ และ 4.เทคโนโลยี Energy Infrastructure และธุรกิจ BESS (Battery Energy Storage System) เพื่อเติมเต็มในธุรกิจที่เสริมกับ Renewable Energy โดยทั้ง 4 เสาหลักนี้จะเป็นการสนับสนุน Energy Symphonics ซึ่งเป็นนโยบายหลักของ BPP ที่มุ่งตอบโจทย์ความยั่งยืนและบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต
“แผนการเติบโตทางธุรกิจและเป้าหมายเชิงกลยุทธ์จนถึงปี 2030 นี้ แสดงถึงการยกระดับการเปลี่ยนผ่านธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืน สู่การส่งมอบพลังงานที่สามารถสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการลงทุนที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สอดคล้องกับความต้องการในด้านพลังงานทั้งจากภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือนที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ ตอบโจทย์แผนธุรกิจของ BPP ที่ยึดมั่นในหลัก ESG และมุ่งส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนแก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างมั่นคงและแข็งแกร่งอย่างที่ BPP ให้ความสำคัญตลอดมา” อิศรา กล่าว
ด้านเดชาพงศ์ ยุวปรีชา ผู้อำนวยการสายอาวุโส ด้านการวางแผนกลยุทธ์และสนับสนุนธุรกิจ บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP กล่าวว่า Energy Security หรือความมั่นคงทางพลังงานเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาระบบพลังงานที่ยั่งยืน โดยต้องคำนึงถึง ความเสมอภาค ซึ่งหมายถึงการสร้างความสมดุลระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายไฟฟ้า เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงพลังงานได้ง่ายและในราคาที่เป็นธรรม รวมถึงความยั่งยืน ที่มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการใช้พลังงานสะอาดและเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ
“ในอนาคต บริษัทมีแผนที่จะลงทุนใน โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ (Gas Power Plants) ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งพลังงานสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนความมั่นคงทางพลังงานและรองรับการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว เพื่อสร้างสมดุลระหว่างความมั่นคง ความเสมอภาค และความยั่งยืน อันเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารจัดการพลังงานที่ตอบสนองต่อความท้าทายของโลกในปัจจุบันและอนาคต” เดชาพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย