ปัจจุบันป่าชายเลนทั่วโลกและในประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤตรุนแรง ข้อมูลจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งระบุว่า พื้นที่ป่าชายเลนของไทยลดลงจาก 2.29 ล้านไร่ในปี 2504 เหลือเพียง 1.73 ล้านไร่ในปี 2565 หรือหายไปกว่า 5 แสนไร่ ขณะที่ Global Mangrove Alliance ชี้ว่า 67% ของป่าชายเลนทั่วโลกถูกทำลายหรือเสื่อมโทรม และยังสูญหายเพิ่มปีละ 1% ซึ่งเร็วกว่าการสูญเสียป่าทั่วโลกถึง 3–5 เท่า วิกฤตนี้ไม่เพียงกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ยังบั่นทอนระบบนิเวศที่เป็นเกราะป้องกันชายฝั่งและแหล่งทำมาหากินของชุมชนอีกด้วย
ท่ามกลางความท้าทายดังกล่าว Brother ผู้นำโซลูชันการพิมพ์จากญี่ปุ่น เดินหน้าสานต่อภารกิจด้านความยั่งยืน จัดกิจกรรม “บราเดอร์ อาสาอนุรักษ์และฟื้นฟูธรรมชาติป่าชายเลน ครั้งที่ 17” ณ ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนคลองโคน จังหวัดสมุทรสงคราม โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 97 คน ทั้งพนักงาน พันธมิตรทางธุรกิจ และสื่อมวลชน มาร่วมแรงปลูกต้นโกงกาง ฟื้นฟูระบบนิเวศชายฝั่ง และเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสมุนไพรและแพทย์แผนไทยโดยกิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Brother Group Environmental Vision 2050 ที่มุ่งสร้างชุมชนและระบบนิเวศที่ยั่งยืนในระยะยาว พร้อมย้ำบทบาทองค์กรที่เติบโตอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
ธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลอดเวลากว่า 15 ปี Brother ปลูกต้นโกงกางใหม่แล้วกว่า 11,000 ต้น ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ราว 3 ตัน ซึ่งไม่เพียงฟื้นฟูระบบนิเวศ แต่ยังลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ และสร้างประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมแก่ชุมชนชายฝั่ง กิจกรรมนี้ยังสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ ทั้งการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (SDG 13) การอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล (SDG 14) และการปกป้องระบบนิเวศบนบก (SDG 15)
สำหรับปี 2567 Brother ตั้งเป้าปลูกต้นโกงกางเพิ่มอีกกว่า 500 ต้น และเดินหน้าสู่เป้าหมายระยะยาวในการปลูกต้นโกงกางครบ 14,000 ต้นภายในปี 2030 คาดว่าจะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 0.48 ตันต่อปี หรือรวมสะสมมากกว่า 5.51 ตันตลอดโครงการ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่สะท้อนการสร้างสมดุลระหว่างการขับเคลื่อนธุรกิจกับการพัฒนาสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของชุมชน
นอกจากการอนุรักษ์ป่าชายเลน Brother ยังสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม เพื่อขยายผลการทำงานด้านความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงการทำงานร่วมกับชุมชนคลองโคนในการสืบสานภูมิปัญญาสมุนไพรและแพทย์แผนไทย ซึ่งช่วยเสริมสุขภาวะของคนในพื้นที่ และสอดคล้องกับ SDG 3 การสร้างหลักประกันสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับทุกคน