ในการเดินหน้าสู่อนาคตที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) อาคารไม่ได้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของปัญหา แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของการแก้ไขปัญหาด้วย
เมื่อทั่วโลกตระหนักถึงความเร่งด่วนของปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความต้องการใช้เครื่องปรับอากาศ และผลิตภัณฑ์ทำความเย็นที่เพิ่มสูงขึ้น การดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และรับมือกับความท้าทายที่ใหญ่หลวงนี้ จึงมีความสำคัญมากขึ้น ในปี 2022 รัฐบาลไทยได้ลงนามในกรอบความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (UNSDCF 2022-2026) เพื่อแสดงเจตจำนงของไทยในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ให้ได้ภายในปี 2030 ซึ่งหนึ่งในเป้าหมายสำคัญคือการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน
รัฐบาลยังได้บังคับใช้กฎระเบียบด้านประสิทธิภาพพลังงานที่เข้มงวดมากขึ้น เช่น มาตรฐาน TREES (Thai Rating of Energy and Environmental Sustainability) เพื่อส่งเสริมให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้
แคเรียร์ เป็นหนึ่งในบริษัทที่สนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว ผ่านเทคโนโลยีที่ยั่งยืนและกลุ่มผลิตภัณฑ์ HVAC ที่ครบครันและแตกต่าง และมุ่งเน้นด้านความยั่งยืน ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนอาคารให้กลายเป็นระบบนิเวศพลังงานอัจฉริยะ โดยใช้สารทำความเย็นที่มีค่าศักยภาพก่อโลกร้อนต่ำ โซลูชัน HVAC ที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงาน และระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด
วิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนของแคเรียร์ที่ตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนถึง 1 พันล้านตันภายในปี 2030 ควบคู่กับความมุ่งมั่นในการลงทุนกว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 129.8 พันล้านบาท) ในการพัฒนาระบบปรับอากาศอัจฉริยะ ถือเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาอาคารที่ครบวงจร มีประสิทธิภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และปลอดภัย
ด้วย Lifecycle Solutions ที่ออกแบบเฉพาะตามความต้องการ แคเรียร์มุ่งมั่นสร้างคุณค่าในระยะยาวให้แก่ลูกค้าและพันธมิตร โดยการให้ความรู้ บริการให้คำปรึกษา บริการหลังการขาย และกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ครบครัน โซลูชันของแคเรียร์ช่วยยกระดับความสะดวกสบายและประสิทธิภาพการทำงานของอาคาร พร้อมทั้งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืน
บุกเบิกความยั่งยืนไปกับแคเรียร์
นายวิคเตอร์ ยู กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคเรียร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในการมุ่งหน้าสู่อนาคตที่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) เทคโนโลยีที่ยั่งยืนของแคเรียร์กำลังพลิกโฉมบ้าน อาคาร และระบบห่วงโซ่ความเย็น ให้กลายเป็นระบบนิเวศแห่งพลังงานอัจฉริยะ ที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคแห่งพลังงานสะอาดได้ เราทุกคนต่างก็ต้องการพลังงานสะอาด ในราคาที่ย่อมเยาเข้าถึงได้ แต่การทำงานแบบต่างคนต่างทำนั้นไม่อาจนำไปสู่เป้าหมายได้ นี่คือความท้าทายเชิงระบบนิเวศ ที่เราต้องร่วมมือกัน ทลายข้อจำกัด และรวมพลังของทุกภาคส่วนเพื่อหาแนวทางแก้ไข”
เนื่องจากการลงทุนเริ่มต้นมักเป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนมาใช้โซลูชันพลังงานสะอาด ลูกค้าจึงสามารถพิจารณาโมเดลอื่นๆ ที่สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนขององค์กรได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Cooling as a Service (CaaS) แนวทางที่อิงตามประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งเปิดโอกาสให้ลูกค้าเข้าถึงระบบปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องลงทุนก้อนใหญ่รวดเร็ว (CAPEX)
ในประเทศไทย แคเรียร์ทำงานอย่างใกล้ชิดกับพาร์ทเนอร์บริษัทจัดการพลังงาน (ESCOs) ซึ่งร่วมมือกับเจ้าของอาคารในการใช้โซลูชันด้านพลังงานอย่างครบวงจร โดย ESCOs จะดูแลโครงการตลอดทั้งวงจร ตั้งแต่การออกแบบทางวิศวกรรม การวิเคราะห์การใช้พลังงาน การติดตั้งอุปกรณ์ ไปจนถึงการดำเนินงานของระบบอนุรักษ์พลังงานและพลังงานหมุนเวียน อีกทั้งยังมีบทบาทในการสนับสนุนด้านการเงินผ่านสัญญาประสิทธิภาพพลังงาน (EPCs) ที่มาพร้อมกับระบบวัดผลและการตรวจสอบที่เข้มงวด เพื่อให้มั่นใจในความโปร่งใสและประสิทธิภาพของโครงการ
ด้วยการผสานประสิทธิภาพด้านพลังงาน ความยั่งยืน และความสะดวกสบายของผู้ใช้อาคารเข้าไว้ในโครงสร้างต้นทุนที่คาดการณ์ได้แบบเบ็ดเสร็จ โมเดลนี้จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับลูกค้าที่ต้องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยไม่ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายเริ่มต้น แคเรียร์ได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ ESCOs มอบประสบการณ์ที่ราบรื่น และครอบคลุมตั้งแต่การตรวจวิเคราะห์การใช้พลังงาน การออกแบบระบบ การดำเนินงาน ไปจนถึงการบริหารจัดการประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
โดยภาพรวม “Lifecycle Solutions” ของแคเรียร์ คือ ระบบปรับอากาศที่ออกแบบมาด้วยนวัตกรรมที่ล้ำหน้า เพื่อลดการใช้พลังงาน เพิ่มเสถียรภาพในการทำงาน และทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว ด้วยจุดเด่นคือขอบเขตการทำงานที่ครอบคลุมทั้งระบบบริหารจัดการพลังงานและระบบปรับอากาศ จึงช่วยให้เจ้าของอาคารสามารถประเมินและวางแผนการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยในการวางแผนบำรุงรักษาและป้องกันความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นในระบบไฟฟ้า ระบบควบคุมอุณหภูมิ และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ของอาคาร โดยมีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุด
โซลูชันนี้ยังสร้างความมั่นใจด้วยระบบแบบบูรณาการเดียวที่ช่วยให้สามารถติดตามและตรวจสอบทุกขั้นตอนการดำเนินงานที่สำคัญได้อย่างชัดเจน รวมถึงบริการหลังการขาย ช่วยเพิ่มความสะดวกในการบำรุงรักษา ซ่อมแซม และอัปเกรดอุปกรณ์ตลอดอายุการใช้งาน พร้อมทั้งมีบริการให้คำปรึกษาและคำแนะนำ ทั้งแบบออนไลน์และเข้าหน้างานจริง
3 แนวทางสู่ Net Zero
สามแนวทางหลักเพื่อให้บรรลุการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ได้แก่
- ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน: ระบบ HVAC ที่มีประสิทธิภาพสามารถลดการใช้พลังงานของอาคารได้อย่างมาก โดยเฉพาะในเขตภูมิอากาศร้อนชื้นเช่นประเทศไทย เนื่องจากระบบปรับอากาศอาจใช้พลังงานมากถึง 50% ของการใช้พลังงานทั้งหมดในอาคาร และอาคารอัจฉริยะยังสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้ถึง 30%
- พลังงานหมุนเวียน: การผนวกแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น แผงโซลาร์เซลล์ หรือกังหันลม เข้ากับระบบของอาคาร เป็นสิ่งจำเป็นในการลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิลและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
3.การชดเชยคาร์บอน (Carbon Offset): การชดเชยคาร์บอนหมายถึงการลงทุนในโครงการที่ช่วยลดหรือดูดซับก๊าซเรือนกระจก เช่น โครงการปลูกป่า หรือโครงการพลังงานหมุนเวียน แม้มาตรการเหล่านี้จะไม่ได้ช่วยลดการปล่อยมลพิษจากอาคารโดยตรง แต่ก็สามารถชดเชยรอยเท้าคาร์บอน (Carbon Footprint) ของอาคารได้ แม้มาตรการนี้จะมีค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง แต่ก็เป็นแนวทางที่มีประโยชน์อย่างมากในการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แคเรียร์ได้ร่วมมือกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation โดยจะปลูกต้นไม้จำนวน 1 ล้านต้นต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อช่วยเพิ่มคุณภาพอากาศ ผลิตออกซิเจน กรองน้ำ และฟื้นฟูระบบนิเวศที่เปราะบางที่สุดของโลก
แคเรียร์ กับวิสัยทัศน์แห่งอนาคตที่ยั่งยืน
ปัจจุบัน มีการตระหนักมากยิ่งขึ้นถึงความท้าทายเร่งด่วนจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แคเรียร์จึงมุ่งมั่นลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและมีบทบาทสำคัญในการรับมือกับปัญหาเหล่านี้ จากรายงานด้านความยั่งยืนและผลกระทบประจำปี 2024 ของแคเรียร์ ระบุว่า มีเพียง 10% ของประชากร 2.8 พันล้านคนที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคที่ร้อนที่สุดของโลกที่สามารถเข้าถึงระบบปรับอากาศ ขณะเดียวกัน ความต้องการพลังงานสำหรับการทำความเย็นภายในอาคารคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี 2050
ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรม แคเรียร์มุ่งมั่นแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วยนวัตกรรมที่ล้ำหน้า เช่น การใช้พลังงานไฟฟ้า โซลูชันประหยัดพลังงาน การใช้สารทำความเย็นที่มีค่าศักยภาพในการก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนต่ำ (Low GWP) และการสร้างระบบนิเวศที่เชื่อมต่อถึงกัน เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานสะอาด
โซลูชัน “Lifecycle Solutions” และระบบบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะของแคเรียร์ ช่วยเปลี่ยนอาคารให้กลายเป็น “สินทรัพย์ด้านพลังงานที่มีความยืดหยุ่น” ที่ลดการพึ่งพาระบบไฟฟ้าจากโครงข่ายหลักและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน