พฤติกรรมการบริโภคอาหารของคนยุคใหม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มคนเมืองและวัยทำงานที่มีวิถีชีวิตเร่งรีบ ทำให้ “อาหารพร้อมทาน” (Ready-to-Eat Food) กลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจาก Krungsri Research ระบุว่า ในปี 2564 ตลาดอาหารพร้อมทานในประเทศไทยมีมูลค่ารวมประมาณ 44,000 ล้านบาท แบ่งเป็นอาหารพร้อมทานแบบแห้งและแบบจัดวางบนชั้น 26,000 ล้านบาท และอาหารพร้อมทานแช่เย็น-แช่แข็ง 18,000 ล้านบาท ทำให้แนวโน้มการเติบโตของตลาดนี้ยังคงต่อเนื่องในช่วงปี 2565–2567 โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของชุมชนเมืองและร้านค้าปลีกสมัยใหม่ที่เป็นช่องทางจำหน่ายหลัก

นอกจากนี้ รายงานจาก USDA ยังชี้ให้เห็นว่า ผู้บริโภคไทยให้ความสำคัญกับสุขภาพและความยั่งยืนมากขึ้น โดยมองหาอาหารที่ดีต่อสุขภาพและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง เทรนด์นี้ส่งผลให้ผู้ผลิตอาหารพร้อมทานต้องปรับตัว พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านสุขภาพ ความสะดวก และความยั่งยืน
บริษัท ซีพีแรม จำกัด (CPRAM) ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมอาหารพร้อมรับประทาน จึงเปิดตัว FTEC (Food Technology Exchange Center) ศูนย์ความร่วมมือและแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีอาหาร เสริมแกร่งอุตสาหกรรมอาหารของไทย พร้อมผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารโลก ด้วยงบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท เป็นศูนย์กลางในการสร้างความร่วมมือและแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีอาหารกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหารทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี

วิเศษ วิศิษฏ์วิญญู กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีแรม จำกัด เปิดเผยว่า ซีพีแรมจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้ทั้งทุกฝ่ายมาเจอกัน สนับสนุนการจัดทำห้องปฏิบัติการ บุคลากร เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ เพื่อยกระดับขีดความสามารถอุตสาหกรรมอาหารของไทย ตั้งแต่ต้นน้ำจวบจนปลายน้ำ เพื่อเราจะได้ทดลอง และจะขยายการผลิตอาหารในสเกลที่ใหญ่ขึ้น ยกระดับการขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศ โดยมี FTEC (Food Technology Exchange Center) ศูนย์ความร่วมมือและแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีอาหารเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มพูนขีดความสามารถในอุตสาหกรรมอาหารของไทย
FTEC จะขับเคลื่อนศูนย์ความร่วมมือและแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีอาหารด้วยเทคโนโลยี Biotech ในเฟสแรกด้วยจุดแข็งของพันธมิตรโดยเฉพาะคณะวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการจัดการอาหาร (SMAFT) สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ และบริษัท ซีพี ฟู้ดเเล็บ จำกัด ที่มีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และมีเครื่องมือที่ทันสมัย โดยจะขยายผลไปสู่เทคโนโลยี Robotech และเทคโนโลยี Digitech ในเฟสต่อไป
วิเศษ กล่าวอีกว่า ซีพีแรมดำเนินธุรกิจภายใต้ปณิธาน FOOD 3S เพื่อยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมอาหารของไทยอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับ Food Safety (ความปลอดภัยทางอาหาร), Food Security (ความมั่นคงทางอาหาร) และ Food Sustainability (ความยั่งยืนทางอาหาร) ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของซีพีแรมในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืน ซีพีแรมยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคในทุกระดับ และเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารโลก
“ในส่วนของ Food lost เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นน้ำของกระบวนการผลิต เช่น วัตถุดิบเสียหายก่อนนำมาใช้ ปรุงอาหารแล้วเสียระหว่างโลจิสติกส์ หรือแม้แต่กรณีผู้บริโภคซื้อไปแล้วรับประทานไม่หมด สำหรับการควบคุม food waste เราจึงเน้นที่ขั้นตอนการขนส่งจากโรงงานไปยังจุดขาย โดยเมื่อได้รับออเดอร์ก็จะจัดส่งทันที โดยไม่เกิดการทิ้งระหว่างทาง จึงทำให้ food waste ของเราเป็นศูนย์” วิเศษ กล่าว

ดร.เดโช ปลื้มใจ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการจัดการอาหาร (SMAFT) สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ กล่าวว่า ความร่วมมือในการจัดตั้งคณะวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการจัดการอาหาร (Faculty of Food Science, Technology and Management)” เพื่อพัฒนาบุคลากรให้มีความพร้อมในอุตสาหกรรมอาหารอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ระหว่างสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ร่วมกับ บริษัท ซีพีแรม จำกัด และ บริษัท ซีพี ฟู้ดแล็บ จำกัด โดยซีพีแรมได้สนับสนุนการพัฒนาหลักสูตรยกระดับคุณภาพการเรียน ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ การฝึกงาน และมอบทุนการศึกษาตลอดหลักสูตร ส่วนซีพี ฟู้ดแล็บ สนับสนุนผู้เชี่ยวชาญและงานวิจัยเพื่อเสริมองค์ความรู้และนวัตกรรม ทั้งนี้ SMAFT ยังมีบทบาทสำคัญในการร่วมจัดตั้ง FTEC (Food Technology Exchange Center) เพื่อเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีอาหาร ยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทยสู่มาตรฐานสากล

พิภักดิ์ จรูญลักษณ์คนา รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซีพีแรม จำกัด ในฐานะกำกับดูแลครัวกลาง (Central Kitchen) กล่าวว่า ตลาดอาหารพร้อมรับประทานเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากวิจัยกรุงศรีคาดว่าในปี 2568 ปริมาณการจำหน่ายอาหารพร้อมทานในประเทศจะขยายตัวขึ้นมาก โดยเฉพาะกลุ่ม Ready-to-Eat & Grab-and-Go ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง ซีพีแรมจึงมุ่งพัฒนา อาหารพร้อมรับประทานและเบเกอรี่ที่มีคุณภาพสูง และคุณค่าทางโภชนาการสูงขึ้น เพื่อขยายส่วนแบ่งตลาดและเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน พัฒนาอาหารท้องถิ่นสู่ตลาดแมส นอกจากการพัฒนาอาหารแมสเพื่อตอบโจทย์ตลาดหลัก ซีพีแรมยังให้ความสำคัญกับอาหารท้องถิ่น โดยนำอาหารจากภูมิภาคต่างๆ เช่น ใบเหลียงผัดไข่ ข้าวซอยไก่ ก๋วยจั๊บญวนมาสู่ตลาดแมส ด้วยการพัฒนาตามอินไซต์ของผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ ผ่านเครือข่ายนักพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ เพื่อรักษามาตรฐานรสชาติให้สม่ำเสมอทุกภูมิภาค การขยายขีดความสามารถด้านนวัตกรรมอาหาร พร้อมรับมือพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ซีพีแรมมุ่งสร้างนวัตกรรมอาหารเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกกลุ่มด้วยทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์กว่า 200 คน ทำให้สามารถนำเสนออาหารใหม่ๆ ที่มีคุณภาพและหลากหลาย สู่ตลาดได้อย่างต่อเนื่อง
“ในแต่ละปี จะมีสินค้าออกมามากกว่า 500 เมนู เฉลี่ยอยู่ที่ 2 ตัวต่อวัน โดยแบ่งเป็นเบเกอรี่ 450 เมนู และอาหารพร้อมทาน (ready to eat) 550 เมนู โดยปีนี้เราตั้งเป้าหมายว่าจะพัฒนาเมนูอาหารและเบเกอรี่ใหม่อีก 500 SKUs เทียบกับปีก่อนหน้า 450 เมนู ซึ่งจะทำให้ซีพีแรมสามารถผลิตและพัฒนาสินค้าใหม่ได้มากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน” พิภักดิ์ กล่าว