Dow ผนึกพลังชุมชนระยอง ใช้นวัตกรรมขับเคลื่อน BCG Model สู่การท่องเที่ยวเชิงยั่งยืน


ในยุคที่การพัฒนาเศรษฐกิจต้องเดินควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จังหวัดระยองได้กลายเป็นเวทีสำคัญในการผสานพลังระหว่างนวัตกรรม เทคโนโลยีสีเขียว และภูมิปัญญาท้องถิ่น ผ่านบทบาทของภาคเอกชนอย่าง กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) ที่เข้ามาสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ณัฐพงศ์ จิรวัฒนาวรกุล

ณัฐพงศ์ จิรวัฒนาวรกุล ผู้อำนวยการแผนกองค์กรสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า เรามุ่งหวังจะสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน ด้วยแนวคิดว่า การพัฒนาเพื่อสังคมอย่างแท้จริงไม่ใช่แค่การให้ แต่ต้องสร้างโอกาสและเสริมศักยภาพให้ชุมชนพึ่งพาตนเองได้ โดยเฉพาะผ่านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวัฒนธรรมที่ยั่งยืน โดยผลักดันระยองเป็นพื้นที่นำร่องของนวัตกรรมการเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ถุงแดง Magik Growth

โดยเฉพาะเทคโนโลยี “ถุงแดง Magik Growth” ซึ่งพัฒนาโดยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค – สวทช.) โดยเป็นถุงผลไม้ที่ผลิตจากวัสดุนอนวูฟเวน (non-woven) ซึ่งมีโครงสร้างสามมิติแบบโปร่งแสง แข็งแรง และสามารถระบายอากาศได้ดี ช่วยควบคุมสภาพแวดล้อมรอบผลไม้ได้อย่างเหมาะสม โดยออกแบบให้กรองแสงในช่วงคลื่นที่เหมาะสม ทำให้ทุเรียนมีรสชาติหวานมัน เนื้อหนา และพเมน้ำหนักเนื้อได้ถึง 8-17% เมื่อเทียบกับการไม่ใช้ถุงห่อ ทั้งยังสามารถลดปริมาณการใช้สารเคมีได้ เนื่องจากช่วยป้องกันศัตรูพืช เช่น หนอน เพลี้ย และแมลงต่างๆ ได้ถึง 100% จึงลดความเสี่ยงของสารตกค้างในผลผลิต ส่งผลดีต่อทั้งสุขภาพของเกษตรกรและผู้บริโภค

ทั้งนี้ ถุงแดงยังเป็นนวัตกรรมที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ 2-4 ครั้ง หรือเก็บรักษาได้นานถึง 3 ปี ช่วยลดปริมาณขยะทางการเกษตร และลดต้นทุนในระยะยาว ปัจจุบันเทคโนโลยีนี้ได้รับการถ่ายทอดสู่เกษตรกรอย่าง สวนคุณประยูร อชิคาเฟ่ อำเภอแกลง สวนทุเรียนขนาดใหญ่กว่า 160 ไร่ สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจ BCG ที่เน้นความปลอดภัย การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนอย่างยั่งยืน

ท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวัฒนธรรม

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของเส้นทางท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวัฒนธรรมในจังหวัดระยอง คือ “สวนยายดา–เจ๊บุญชื่น” ตั้งอยู่ในตำบลตะพง อำเภอเมืองระยอง สวนผลไม้ขนาด 30 ไร่แห่งนี้ได้รับรางวัลแหล่งท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้และรางวัล Silver Tourism จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประจำปี 2566 พร้อมทั้งได้รับการยกย่องให้เป็น “สวนคาร์บอนต่ำ” จากการประยุกต์ใช้นวัตกรรมพลังงานสะอาดอย่าง โซลาร์ลอยน้ำ มาผลิตไฟฟ้าใช้ภายในสวนอย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นแบบอย่างของการนำเทคโนโลยีสีเขียวมาใช้ในภาคเกษตรกรรมเพื่อลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิลและลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในกระบวนการผลิตผลไม้

ผ้าทอมือ ผ้าตากะหมุก

นอกจากนี้ ดาวยังขยายผลสู่การสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนระดับชุมชน โดยส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ผ้ามัดย้อมจากพืชธรรมชาติ ผ้าหมักน้ำนมขาว ผ้าทอมือ และที่โดดเด่นคือ “ผ้าตากะหมุก” ผ้าลายโบราณเฉพาะถิ่นของระยอง ซึ่งเคยเลือนหายไปตามกาลเวลา แต่ได้รับการฟื้นฟูโดยกลุ่มคนรุ่นใหม่จนกลับมาเป็นผ้าประจำจังหวัดอีกครั้ง นอกจากนี้ยังส่งเสริมผลิตภัณฑ์เกษตรปลอดภัย เช่น น้ำผึ้งชันโรง ผักออร์แกนิก และ เครื่องดื่มสุขภาพจากผลไม้แปรรูป ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับทรัพยากรในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

ปัจจุบัน จังหวัดระยองมีสวนผลไม้ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมมากถึง 33 แห่ง ภายใต้การส่งเสริมของ ททท. ในแนวทางการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและการเรียนรู้ ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับวิถีเกษตรแบบยั่งยืนอย่างใกล้ชิด ทั้งในมิติของการผลิต การแปรรูป และการพัฒนาอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และชุมชนในครั้งนี้ จึงถือเป็นแบบอย่างของการใช้ “นวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม” และ “เศรษฐกิจหมุนเวียนระดับฐานราก” ที่ไม่เพียงช่วยเพิ่มรายได้ให้ชุมชน แต่ยังสร้างภูมิคุ้มกันและความยั่งยืนให้กับท้องถิ่นในระยะยาว