นนทบุรี – บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานปี 2566 รับรู้กำไรก่อนต้นทุนทางการเงิน ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 14,124 ล้านบาท และกำไรส่วนของบริษัทฯ จำนวน 5,167 ล้านบาท ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 4/2567 เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 มีมติจ่ายเงินปันผลปี 2566 แก่ผู้ถือหุ้น เป็นจำนวน 3,480 ล้านบาท คิดเป็นหุ้นละ 1.60 บาท โดยคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลได้ในวันที่ 23 พฤษภาคม ศกนี้ หลังจากได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 23 เมษายน 2567
นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การดำเนินงานในปี 2566 ยังสะท้อนถึงความมั่นคงและแข็งแกร่งจาก EBITDA ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากปี 2565 แม้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าได้ปรับตัวลดลงตามการผลิตพลังงานไฟฟ้าที่มีปริมาณลดลงอันเป็นผลมาจากคำสั่งผลิตไฟฟ้าของลูกค้าและการหยุดซ่อมบำรุงของโรงไฟฟ้าเป็นสำคัญ โดยรายได้จากกลุ่มธุรกิจผลิตไฟฟ้า มีจำนวน 48,275 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 95 ของรายได้รวมจำนวน 50,648 ล้านบาท และรายได้จากกลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภคและอื่นๆ มีจำนวน 2,373 ล้านบาท ส่วนต้นทุนและค่าใช้จ่ายรวม ก็ปรับตัวลดลงร้อยละ 40 ซึ่งมาจากต้นทุนการขายและบริการเป็นหลัก สำหรับปี 2566 คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติเงินปันผลจ่ายแก่ผู้ถือหุ้น เป็นจำนวน 3,480 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 67 ของกำไรปี 2566 โดยจะนำเสนอผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในวันที่ 23 เมษายน 2567 และมีกำหนดจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 พฤษภาคม ศกนี้
“บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืนสำหรับผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่ธุรกิจ ในปี 2566 อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นอยู่ที่ร้อยละ 5.14 ขณะที่มูลค่าทางเศรษฐกิจที่เกื้อหนุนต่อผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ สะท้อนจากต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ จากการดำเนินงานของบริษัทฯ สำหรับการดำเนินงานในปี 2567 จะยังคงเน้น 5 ภารกิจหลัก ประกอบด้วย การลงทุนขยายธุรกิจ การพัฒนาและก่อสร้างโครงการที่ลงทุนแล้วให้สำเร็จภายใต้งบประมาณและเวลาที่กำหนดไว้ การบริหารสินทรัพย์ การบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่าย และการพัฒนามาตรฐานด้านธรรมาภิบาล สิ่งแวดล้อมและสังคม บริษัทฯ ยังเชื่อมั่นว่า แนวทางดังกล่าวจะเสริมส่งบริษัทฯ ให้บรรลุเป้าหมายปี 2567 ทั้งด้านมูลค่าเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและสังคม” นางสาวชูศรี กล่าว
แผนการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทฯ ได้จัดสรรงบลงทุน จำนวน 30,000 ล้านบาทสำหรับลงทุนโครงการใหม่ในธุรกิจผลิตไฟฟ้าและนอกภาคผลิตไฟฟ้า และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและก่อสร้าง ซึ่งปัจจุบันมีกำลังการผลิตตามการถือหุ้นรวม 2,944.18 เมกะวัตต์ รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและส่วนต่อขยาย โรงพยาบาล พริ้นซ์ มุกดาหาร และโครงการดำเนินงานและบำรุงรักษามอเตอร์เวย์สาย 6 และสาย 81 นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการบริหารประสิทธิภาพสินทรัพย์เพื่อสร้างรายได้และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งโรงไฟฟ้าที่จะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในปี 2567 โดยโรงไฟฟ้าหินกองชุดที่ 1 จะเริ่มผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยในเดือนมีนาคม ศกนี้
ฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 213,479 ล้านบาท หนี้สินรวม 106,346 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 107,133 ล้านบาท สำหรับอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน อยู่ที่ 0.99 เท่า
สำหรับเงินปันผลปี 2566 ที่กำหนดจะจ่ายหุ้นละ 1.60 บาทนั้น บริษัทฯ ดำเนินการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 (งวดเดือนมกราคม – มิถุนายน 2566) แล้วจำนวน 1,740 ล้านบาท คิดเป็นหุ้นละ 0.80 บาท เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2566 จึงคงเหลือเงินปันผลอีกจำนวน 1,740 ล้านบาท คิดเป็น 0.80 บาทต่อหุ้นที่จะดำเนินการจ่ายภายหลังได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น