อบก. จับมือ TCNN ระดม “พลังองค์กรผู้นำ” เร่งเครื่องไทยสู่ Net Zero จากนโยบายสู่การลงมือทำจริง


องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ร่วมกับเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย (Thailand Carbon Neutral Network: TCNN) จัดงาน “TGO Forum & TCNN Conference 2025: ขับเคลื่อน Net Zero ไทย ด้วยพลังองค์กรผู้นำ” เวทีสำคัญแห่งปีที่เชื่อมโยงมิติเชิงนโยบาย การปฏิบัติ และนวัตกรรม เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ ภายในงานประกอบด้วยการสัมมนา การเสวนาแลกเปลี่ยน และนิทรรศการนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีสีเขียว ตอกย้ำเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)

นอกจากนี้ ยังมีการเชิดชูเกียรติและสร้างขวัญกำลังใจให้กับองค์กรและพื้นที่ต้นแบบที่แสดงพลังความมุ่งมั่นและประสบความสำเร็จในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อาทิ จังหวัดกระบี่ กำแพงเพชร พะเยา พังงา เลย ราชบุรี และองค์กรเอกชนอย่าง บ้านปูเน็กซ์ ที่ขับเคลื่อนการดำเนินงานสู่เป้าหมาย Net Zero อย่างเป็นรูปธรรม

tgo-tcnn

รัฐกร กัมปนาทแสนยากร ประธานกรรมการเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ความยั่งยืนองค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วิสัยทัศน์ของ TCNN คือการเป็นเครือข่ายแกนนำในการพาประเทศไทยมุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero โดยมุ่งส่งเสริมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน สนับสนุนการเกิดกิจกรรมและโครงการลดก๊าซเรือนกระจก เป็นแพลตฟอร์มสร้างความตระหนักรู้และแลกเปลี่ยนความรู้ รวมถึงผลักดันสิทธิประโยชน์จากภาครัฐให้เกิดประโยชน์กับองค์กรสมาชิกอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมเปิดโอกาสให้องค์กรสมาชิกมีส่วนร่วมในการบริหารเครือข่ายผ่านกระบวนการเลือกตั้ง

ปัจจุบัน ปตท. ได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกให้ดำรงตำแหน่งประธานเครือข่าย ร่วมกับคณะกรรมการและอนุกรรมการใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ ด้านนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้านการดำเนินงานและการมีส่วนร่วม (Implementation and Engagement) และด้านตลาดคาร์บอน โดยมีองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาหลัก โดยเครือข่าย TCNN มีสมาชิกแล้ว 847 องค์กร ครอบคลุมทุกภาคส่วนและอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ โดยเป็นภาคเอกชนมากกว่า 700 องค์กร สะท้อนว่าเป้าหมาย Net Zero ไม่ได้เป็นเพียงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม แต่เป็นโอกาสทางธุรกิจที่องค์กรไทยให้ความสำคัญอย่างจริงจัง

สำหรับผลการดำเนินงานของ TCNN แบ่งออกเป็น 3 ด้านสำคัญ ได้แก่ การพัฒนาศักยภาพ (Capacity Building) การลงมือทำจริงเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และบทบาทการเป็นเสียงของภาคเอกชนในการเสนอแนะเชิงนโยบายต่อภาครัฐ ในด้าน Capacity Building TCNN สนับสนุนการยกระดับองค์ความรู้ด้าน Climate Action การเตรียมความพร้อมสู่ Carbon Neutrality และ Net Zero ให้กับบุคลากรกว่า 8,000 คน ผ่านกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ ทั้งการจัดสัมมนา Focus Group การศึกษาดูงาน (Study Trip) และ Climate Clinic เพื่อให้คำปรึกษาเชิงลึกแก่องค์กรสมาชิก

ขณะเดียวกัน TCNN ยังส่งเสริมให้องค์กรสมาชิกลงมือทำอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการพัฒนาเกณฑ์รับรอง “Climate Action Leading Organization (CALO)” เพื่อรองรับองค์กรที่มีเป้าหมาย แผนงาน และการดำเนินงานด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจกอย่างชัดเจน ปัจจุบันมีองค์กรได้รับการรับรองแล้ว 40 องค์กร โดยในปีนี้มี 4 องค์กรที่ผ่านการรับรองและได้รับโล่เกียรติคุณ

อีกหนึ่งโครงการสำคัญ คือการสนับสนุนให้องค์กรจัดทำแผนลดก๊าซเรือนกระจกตามหลักวิทยาศาสตร์ และแนวทางการรับรอง Net Greenhouse Gas Emission ของ อบก. โดยช่วยพัฒนาเป้าหมาย กลยุทธ์ และแนวทางที่เหมาะสม ซึ่งในปีนี้มีองค์กรยื่นคำมั่น (Commitment) สู่ Net Zero แล้ว 6 องค์กร

ด้านตลาดคาร์บอน TCNN มีบทบาทส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอนเครดิตคุณภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในตลาดภาคสมัครใจของไทย ผ่านการจัดทำ Carbon Credit Newsletter รายสัปดาห์และรายเดือน รวมถึงรายงาน Carbon Market Outlook Report ฉบับที่ 2 ซึ่งสะท้อนสถานการณ์ตลาด แนวโน้มอุปสงค์–อุปทาน และราคาคาร์บอนเครดิตของประเทศ นอกจากนี้ ยังจัดกิจกรรม Business Matching เพื่อเชื่อมโยงธุรกิจและส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอนเครดิตอย่างเป็นรูปธรรม

TCNN

จากการดำเนินงานทั้งหมด TCNN สามารถส่งเสริมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้รวม 11,960,113 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า มีการชดเชยก๊าซเรือนกระจกในเครือข่าย 328,128 ตัน และมูลค่าการซื้อขายคาร์บอนเครดิตรวมกว่า 1,690,837 ตัน  นอกจากนี้ TCNN ยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนภาคเอกชนในการเสนอแนะเชิงนโยบายต่อภาครัฐ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ โดยรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกและจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายอย่างต่อเนื่อง

ในปีนี้ได้จัดทำข้อเสนอเพิ่มเติม 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ การส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยีและสิทธิประโยชน์สำหรับการลงทุนสีเขียว โดยเฉพาะเทคโนโลยี Carbon Capture and Storage (CCS) และไฮโดรเจน รวมถึงการสนับสนุนองค์กรสมาชิกให้พร้อมรับมือมาตรการ CBAM เพื่อรักษาขีดความสามารถการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดโลก ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในเดือนธันวาคมนี้

สำหรับทิศทางในอนาคต TCNN จะยังคงมุ่งสนับสนุนให้องค์กรสมาชิก “ลงมือทำจริง” ทั้งการตั้งเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกตามหลักวิทยาศาสตร์ การเป็นผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก และการนำเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ เช่น Internal Carbon Pricing มาประยุกต์ใช้ พร้อมผลักดันการเข้าถึงแหล่งเงินทุน การพัฒนาโครงการนำร่อง และการเชื่อมโยงสมาชิกเข้ากับเทคโนโลยีลดก๊าซเรือนกระจกใหม่ ๆ เพื่อลดต้นทุน

ขณะเดียวกัน TCNN ตั้งเป้าขยายบทบาทสู่ระดับภูมิภาคอาเซียน มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้และแพลตฟอร์มการปฏิบัติ (Hub of Knowledge and Practice Platform) เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และยกระดับมาตรฐานด้าน Climate Action ร่วมกันในภูมิภาคต่อไป