วอลโว่ เปิดตัว “Volvo ES90” รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นใหม่ ชูแนวคิดยั่งยืน ตั้งเป้าพัฒนาสู่ยนตรกรรมไฟฟ้า 100%


ในปี 2568 ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากแรงขับของนโยบายภาครัฐที่ผลักดันสู่เป้าหมาย Zero Emission Vehicle (ZEV) และความตื่นตัวของผู้บริโภคที่หันมาให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีสะอาดและการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้น ผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกต่างเร่งเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งสมรรถนะ ความปลอดภัย และความยั่งยืน

หนึ่งในนั้นคือ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย บริษัทรถยนต์สัญชาติสวีเดนที่พร้อมเดินทางสู่พลังงานที่เป็นกลางต่อสภาพภูมิอากาศ ด้วยการเปิดตัว “Volvo ES90” รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นใหม่ล่าสุดครั้งแรกในเอเชีย ชูแนวคิด “ความอเนกประสงค์และนวัตกรรมการขับขี่อย่างยั่งยืน” ผ่านดีไซน์ที่ผสมผสานความเรียบหรูของรถซีดานเข้ากับความอเนกประสงค์แบบ fastback และความสูงใต้ท้องรถในสไตล์ SUV เพื่อให้รองรับทุกการเดินทางทั้งในเมืองและต่างจังหวัดอย่างลงตัว โดย Volvo ES90 Ultra Single Motor Extended Range เปิดตัวในราคา 2,990,000 บาท และคาดว่าจะเริ่มส่งมอบให้ลูกค้าชาวไทยภายในสิ้นปี 2568 ถึงต้นปี 2569

คริส เวลส์

คริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย และมาเลเซีย กล่าวว่า “Volvo ES90”คือตัวแทนของการก้าวสู่ยุคใหม่ของยนตรกรรมไฟฟ้าอย่างแท้จริง ผสานความเรียบหรูของดีไซน์สแกนดิเนเวียนเข้ากับเทคโนโลยีซอฟต์แวร์และระบบขับเคลื่อนที่ควบคุมด้วย AI เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นอีกก้าวสำคัญของวอลโว่ในการเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

Volvo ES90 ถูกพัฒนาบนแพลตฟอร์ม SPA2 ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Superset Tech Stack ซึ่งรวมการทำงานของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เข้าด้วยกัน ทำให้รถสามารถอัปเดตระบบแบบ Over-the-Air (OTA) ได้ตลอดอายุการใช้งาน โดยไม่ต้องนำรถเข้าศูนย์บริการ ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับฟังก์ชันใหม่ ๆ และการปรับปรุงด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเป็นรถรุ่นแรกของวอลโว่ที่ใช้ชิปประมวลผลคู่ NVIDIA DRIVE AGX Orin ที่มีกำลังการประมวลผลสูง เพิ่มความแม่นยำในการประสานข้อมูลระหว่างระบบต่าง ๆ ของตัวรถ ทั้งระบบช่วยขับ ระบบป้องกันการชน และระบบวิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่แบบเรียลไทม์ เพื่อยกระดับความปลอดภัยให้เหนือกว่ามาตรฐานทั่วไปของอุตสาหกรรม

Volvo ES90

ด้านสมรรถนะการขับขี่ ES90 ใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800 โวลต์ รุ่นใหม่ล่าสุด ช่วยเพิ่มความเร็วในการชาร์จและเพิ่มระยะทางการขับขี่ได้สูงสุด 755 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC) พร้อมอัตราเร่งจาก 0–100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 6.6 วินาที ทั้งยังมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd) เพียง 0.25 ซึ่งถือว่าต่ำมากในกลุ่มรถขนาดเดียวกัน ส่งผลให้ประหยัดพลังงานและเงียบขึ้นในระหว่างขับขี่

สิ่งที่ทำให้ Volvo ES90 แตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป คือแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติของการผลิต โดยวอลโว่ให้ความสำคัญตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุภายในและภายนอก ตัวรถผลิตจากวัสดุรีไซเคิลในสัดส่วนที่สูง เช่น อะลูมิเนียมรีไซเคิล 29%, เหล็กรีไซเคิล 18%, และโพลีเมอร์รีไซเคิล 16% เพื่อลดการใช้ทรัพยากรใหม่และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิต

นอกจากนี้ยังเลือกใช้วัสดุชีวภาพและไม้จริงจากแหล่งที่ได้รับการรับรองโดย FSC (Forest Stewardship Council) ซึ่งสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ทั้งหมด หรือแม้แต่เหล็กที่ใช้ในโครงสร้างรถก็ได้รับการจัดหาจากโรงงานในสวีเดนที่ผลิตภายใต้มาตรฐาน Carbon Neutral Steel ซึ่งใช้พลังงานสะอาดแทนการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล

ภายในห้องโดยสาร วอลโว่ยังคงรักษาแนวคิด “Sustainable Luxury” ผ่านการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น หนังที่ผ่านกระบวนการผลิตแบบยั่งยืนและตรวจสอบย้อนกลับได้ทุกขั้นตอน รวมถึงการออกแบบพื้นที่โดยสารให้โปร่งโล่ง ใช้แสงธรรมชาติผ่านหลังคาพาโนรามิกกรองรังสี UV ได้ถึง 99.9% พร้อมระบบฟอกอากาศที่กรองฝุ่น PM2.5 ได้ 95% และกรองสารก่อภูมิแพ้ได้เกือบ 100% เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการเดินทางที่ปลอดภัยและสะอาดสำหรับผู้โดยสารทุกวัย

Volvo ES90

“วอลโว่ยืนยันว่า ความยั่งยืน (Sustainability) คือหัวใจสำคัญของการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ทุกคัน โดยมีเป้าหมายชัดเจนที่จะเปลี่ยนสายการผลิตทั้งหมดให้เป็น รถยนต์ไฟฟ้า 100% ภายในอนาคต และในทุกกระบวนการจะต้องลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้มากที่สุด ทั้งในส่วนของวัตถุดิบ การขนส่ง และการรีไซเคิลเมื่อสิ้นอายุการใช้งานของรถยนต์” คริส เวลส์ กล่าว

การเปิดตัว Volvo ES90 จึงไม่เพียงเป็นการแนะนำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ แต่ยังสะท้อนทิศทางของวอลโว่ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์สู่ความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งด้านเทคโนโลยี พลังงาน วัสดุ และสิ่งแวดล้อม เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และรับผิดชอบต่อโลกใบนี้อย่างแท้จริง