มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทยเริ่มปฏิบัติการตอบสนองฉุกเฉินในพื้นที่ภาคใต้ตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งเป็นช่วงที่หลายชุมชนเริ่มประสบภัยน้ำท่วมฉับพลัน เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิศุภนิมิตฯ ได้ลงพื้นที่ทันทีเพื่อประเมินสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ครอบครัวที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก พร้อมดูแลเด็กเล็ก ผู้หญิง ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และครอบครัวรายได้น้อย ซึ่งเป็นกลุ่มที่ฟื้นตัวยากที่สุดในยามเกิดภัยพิบัติ
ทั้งนี้ มูลนิธิศุภนิมิตฯ ได้ขยายการช่วยเหลือเร่งด่วนในจังหวัดสงขลา โดยมอบข้าวสาร อาหารแห้ง นม และชุดสุขอนามัยให้ครอบครัวในศูนย์พักพิง 10 แห่ง ช่วยเหลือผู้ประสบภัยรวมถึงเด็กกว่า 15,200 คน ในขณะที่ระดับน้ำยังคงสูงขึ้นและความเสียหายขยายตัวเป็นวงกว้างในหลายพื้นที่ของภาคใต้

หลังจากการตอบสนองในระยะแรก มูลนิธิศุภนิมิตฯ ได้ประกาศการดำเนินโครงการ “ตอบสนองอุทกภัยภาคใต้ 2568” โดยมีเป้าหมายให้ความช่วยเหลือกว่า 8,100 ครัวเรือน (กว่า 32,000 คน) การขยายการช่วยเหลือครั้งนี้ครอบคลุมการจัดหาอาหารและสิ่งของจำเป็น การตั้งครัวชุมชน การดูแลสุขภาวะจิตสังคมเด็ก การจัดอุปกรณ์การเรียน รวมถึงการช่วยเหลือเพื่อฟื้นฟูระยะเริ่มต้น เช่น การซ่อมแซมบ้านและโรงเรียนที่ได้รับความเสียหาย พร้อมทั้งจัดการอบรมการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติเพื่อเสริมสร้างความพร้อมของชุมชนขณะที่มูลนิธิศุภนิมิตฯ กำลังตอบสนองต่อความต้องการเร่งด่วนของครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเด็กกลุ่มเปราะบาง การประเมินความต้องการเพิ่มเติมยังดำเนินไปพร้อมกัน เพื่อปรับแผนการฟื้นฟูให้เหมาะสม และอาจขยายการช่วยเหลือไปยังพื้นที่หรืออำเภออื่น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการระดมทุน
โดยน้ำท่วมครั้งนี้ครอบคลุมพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ส่งผลกระทบต่อประชาชนมากกว่า 1,099,877 ครัวเรือน หรือราว 3 ล้านคน และมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
“สิ่งที่เราเห็นในพื้นที่ตั้งแต่วันแรก ไม่ได้มีเพียงบ้านเรือนที่เริ่มจมน้ำ แต่คือความหวาดกลัวและความไม่ปลอดภัยที่เด็กหลายพันคนต้องเผชิญ เด็กเล็กหลายคนต้องอพยพออกจากบ้านกลางดึกโดยไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้ปกครองเองก็มีความกังวลอย่างมากว่าจะปกป้องลูกหลานได้อย่างไรขณะที่ระดับน้ำท่วมสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในบ้าน โดยเฉพาะครอบครัวที่มีผู้สูงอายุและผู้พิการที่ไม่สามารถอพยพได้ด้วยตนเอง” รสลิน โกแวร์ ผู้อำนวยการมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย กล่าว

หลายคนต้องอพยพไปอยู่ศูนย์พักพิงในขณะที่หลายคนไม่สามารถหาที่พักได้ มีหลายคนที่ไม่ได้ทานอาหารเป็นเวลาหลายวัน มูลนิธิศุภนิมิตฯ ทำงานกับภาคี ศูนย์พักพิง 10 แห่ง คริสตจักรในจังหวัดสงขลา จัดหาอาหาร อุปกรณ์เครื่องใช้ จัดตั้งโรงครัว จัดทำกิจกรรมสันทนาการเพื่อดูแลสภาพจิตใจของเด็ก ๆ ที่ได้รับผลกระทบที่พักอยู่ที่ศูนย์พักพิง ตอนนี้ ประชาชนอยากกลับเข้าบ้านมากที่สุด เด็ก ๆ อยากกลับไปเรียน อุปกรณ์เครื่องใช้ในการดำรงชีวิต ที่พักอาศัย การเรียนการสอน ให้ชุมชนเข้าสู่สภาวะปกติ ให้เด็ก ๆ ได้กลับไปโรงเรียน ได้อย่างปลอดภัยและเร็วที่สุด
เด็ก ๆ ในพื้นที่ อำเภอสทิงพระ จ.สงขลา เล่าให้ฟังว่า “น้ำท่วมขึ้นสูงมาก ต้องเอาอิฐมารองของให้พ้นน้ำ แต่ก็ยังไม่พ้นอยู่ดี ครอบครัวต้องย้ายไปอยู่ที่วัด มีคนอยู่ร่วมกัน 40–50 คน เด็กประมาณสิบคน ได้รับข้าวและของใช้ แต่ไม่ได้สนุกเลย อยากให้น้ำลด จะได้กลับไปโรงเรียน คิดถึงเพื่อนและอยากเรียนหนังสือ”
ผู้อำนวยการโรงเรียนในอำเภอสทิงพระ จ.สงขลา กล่าวว่าโรงเรียนถูกน้ำท่วมตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน ระดับน้ำสูงเกือบสองเมตรและท่วมนานหลายวัน ทำให้อุปกรณ์การเรียนการสอน ทั้งของโรงเรียนและของนักเรียนเสียหายทั้งหมด บ้านของชาวบ้านเองก็น้ำท่วมสูงกว่าเดิม แม้ทุกคนจะพยายามยกของขึ้นที่สูงแล้ว แต่ระดับน้ำปีนี้สูงกว่าที่คาดมาก แม้แต่ห้องสมุดก็ไม่รอด ตอนนี้น้ำเริ่มเน่าเพราะขังนาน และเริ่มมีความกังวลเรื่องโรคที่อาจตามมา รวมถึงปัญหาน้ำดื่มที่เริ่มขาดแคลน

“โรงเรียนขอขอบคุณมูลนิธิศุภนิมิตฯ ที่เคยสนับสนุนสร้างห้องน้ำยกสูงตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งช่วยให้ใช้งานได้แม้ในช่วงน้ำท่วม และขอบคุณที่ลงพื้นที่เยี่ยม ให้กำลังใจ และมอบสิ่งของให้เด็ก ๆ ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ความห่วงใยเหล่านี้ช่วยให้เรามีกำลังใจต่อสู้กับสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ต่อไป” ผู้อำนวยการโรงเรียนในอำเภอสทิงพระ กล่าว





