คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติปรับลดเงินกองทุนน้ำมันฯ หวังจูงใจคนหันใช้น้ำมันดีเซล B10 เพิ่มขึ้น แทนที่ดีเซล B7 เดิม ส่งผลราคาน้ำมันดีเซล B10 ถูกกว่า B7 ที่ 2 บาทต่อลิตร ส่วนน้ำมันดีเซล B20 ปรับราคาเพิ่มขึ้น 2 บาทต่อลิตร ส่งผลให้มีส่วนต่างราคาต่ำกว่า B7 ที่ 3 บาทต่อลิตร จากเดิมที่ต่างกันที่ 5 บาทต่อลิตร โดยมีผลเริ่ม 1 ตุลาคม 2562 นี้
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า วันนี้คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีการประชุมเป็นครั้งแรก ภายหลัง พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 2562 มีผลบังคับใช้ (มีผลบังคับใช้เริ่ม 24 กันยายน 2562) โดยที่ประชุมมีมติให้ปรับอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับกลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว โดยปรับเพิ่มเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯสำหรับ B7 เป็น 0.05 บาท/ลิตร จากเดิมชดเชยอยู่ 0.10 บาท/ลิตร ส่วนน้ำมันดีเซล B10 เพิ่มการชดเชยเป็น 1.80 บาท/ลิตร จากเดิมชดเชยอยู่ 0.95 บาท/ลิตร และน้ำมันดีเซล B20 ชดเชยในอัตรา 2.55 บาท/ลิตร จากเดิมชดเชยอยู่ 4.80 บาท/ลิตร มีผลเริ่มต้นตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2562
ทั้งนี้ หลังปรับอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับกลุ่มดีเซลใหม่แล้ว จะทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล B7 สูงกว่า น้ำมันดีเซล B10 ในอัตรา 2 บาท/ลิตร และสูงกว่า น้ำมันดีเซล B20 ในอัตรา 3 บาท/ลิตร โดยน้ำมันดีเซล B7 อยู่ในระดับเดิม 25.99 บาท/ลิตร น้ำมันดีเซล์ B10 อยู่ที่ 23.99 บาท/ลิตร จากเดิม 24.99 บาท/ลิตร และน้ำมันดีเซล B20 อยู่ที่ 22.99 บาท/ลิตร จากเดิมที่ 20.99 บาท/ลิตร
หลังการปรับส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลแล้ว จะมีการเปลี่ยนน้ำมันพื้นฐาน จากเดิมที่น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B7 เป็นน้ำมันพื้นฐาน เปลี่ยนเป็นน้ำมันดีเซล B10 แทน ซึ่งจะทำให้การใช้น้ำมัน B7 ลดลง และมีการใช้น้ำมันดีเซล B10 เพิ่มขึ้นแทน สำหรับการใช้น้ำมันดีเซล B20 นั้น คาดว่าจะชะลอตัวลงจากส่วนต่างราคาที่ลดลงจากเดิมที่ 5 บาท/ลิตร