ตามที่กระทรวงพลังงานได้ให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมนโยบายพลังงานเพื่อประชาชนทุกระดับตามนโยบาย Energy For All และได้มีการส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลผสมในน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของน้ำมนดีเซล B20 และน้ำมันดีเซล B10 และได้มีกิจกรรมรณรงค์เชิญชวนให้ผู้ใช้รถหันมาใช้น้ำมัน B20 และ B20 กันมากขึ้น
โดยล่าสุดได้ประกาศให้น้ำมัน B10 เป็นดีเซลพื้นฐานของประเทศแทน B7 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2563 เป็นต้นไป โดยที่น้ำมันดีเซล B7 เป็นทางเลือกสำหรับรถเก่าและรถยุโรปที่ยังรองรับไม่ได้ และมี B20 เป็นทางเลือกสำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ซึ่งการผลักดันให้มีการใช้น้ำมันไบโอดีเซลสำหรับทั้ง B10 และ B20 นั้นจะทำให้การใช้ไบโอดีเซลเพิ่มขึ้นราว 2.1 ล้านลิตรต่อวัน หรือเพิ่มประมาณ 40% จากปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 13 พ.ย.62) ที่มีปริมาณการใช้ไบโอดีเซล 5.15 ล้านลิตรต่อวัน จะเพิ่มเป็นประมาณ 7 ล้านลิตรต่อวันในปี 2563
นอกจากนี้ เพื่อลดข้อกังวลของการใช้น้ำมัน B10 และ B20 ที่มีผลต่อเครื่องยนต์ของค่ายรถยนต์ต่างๆ และเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้รถ กระทรวงพลังงานได้จับมือกับค่ายรถยนต์ต่างๆ จัดกิจกรรมรณรงค์สร้างความเชื่อมั่นในการใช้น้ำมัน B20 และ B10 พร้อมทั้งได้จัดทำเอกสารเผยข้อมูลรุ่นรถ ที่ผู้ผลิตรถยนต์ให้การรับรองว่าสามารถใช้กับน้ำมันดีเซล B10 และ B20 ได้อย่างปลอดภัยกับรถยนต์ดีเซลหลายรุ่น ไม่ว่าเป็นค่ายรถยนต์จาก โตโยต้า อีซูซุ นิสสัน มิตซูบิชิ สแกนเนีย ฮีโน่ เป็นต้น
สำหรับผู้ใช้รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลและไม่ทราบว่ารถของท่านสามารถใช้น้ำมันดีเซล B10 และ B20 ได้หรือไม่ สามารถตรวจสอบว่ารถรุ่นไหน ที่ใช้น้ำมันดีเซล B10 และ B20 ได้ ที่เว็บไซต์ของกรมธุรกิจพลังงาน www.doeb.go.th หรือดาวน์โหลดเอกสาร รายชื่อรุ่นรถยนต์ ที่ผู้ผลิตรถยนต์รับรองให้สามารถใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B10 / B20 ได้ที่นี่
ทั้งนี้สำหรับรถยนต์รุ่นอื่นๆ เช่น รถยุโรป หรือรถรุ่นเก่า ที่ไม่สามารถใช้ B10 และ B20 ได้ ยังคงสามารถใช้น้ำมัน B7 ซึ่งมีให้บริการในสถานีบริการน้ำมันทั่วไปได้ตามปกติ
Update!! |
Source: ข้อมูล กรมธุรกิจพลังงาน – FB @doebfanpage