กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน ลงนามสัมปทานปิโตรเลียม สำหรับแปลงสำรวจบนบกหมายเลข L1/64 แก่บริษัท ซีเอ็นพีซีเอชเค (ไทยแลนด์) จำกัด พื้นที่รวม 78.90 ตารางกิโลเมตร ในเขตจังหวัดสุโขทัยและกำแพงเพชร โดยในเบื้องต้นคาดว่าแหล่งปิโตรเลียมดังกล่าว จะสามารถผลิตน้ำมันดิบได้ประมาณ 300-400 บาร์เรลต่อวัน และสามารถทดแทนมูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบได้ประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี และหากสามารถพัฒนาแหล่งและผลิตปิโตรเลียม ในแปลงสำรวจปิโตรเลียมดังกล่าวได้ก็จะสามารถสร้างรายได้ให้แก่รัฐในรูปแบบของค่าภาคหลวงและภาษีเงินได้ปิโตรเลียม
19 พฤศจิกายน 2564 – นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยนายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ได้ร่วมพิธีลงนามสัมปทานปิโตรเลียม สำหรับแปลงสำรวจบนบกหมายเลข L1/64 ในเขตจังหวัดสุโขทัยและกำแพงเพชร กับบริษัท ซีเอ็นพีซีเอชเค (ไทยแลนด์) จำกัด ณ ห้องประชุม 9 ชั้น 15 กระทรวงพลังงาน โดยมี ฯพณฯ หาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ให้เกียรติเข้าร่วมพิธีลงนามสัมปทานปิโตรเลียมดังกล่าวด้วย
นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า การลงนามสัมปทานฯ ในครั้งนี้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2564 ที่เห็นชอบให้สัมปทานปิโตรเลียม แปลงสำรวจบนบกหมายเลข L1/64 แก่บริษัท ซีเอ็นพีซีเอชเค (ไทยแลนด์) จำกัด พื้นที่รวม 78.90 ตารางกิโลเมตร ในเขตจังหวัดสุโขทัยและกำแพงเพชร ซึ่งการได้ผู้รับสิทธิในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยในการสร้างความต่อเนื่องในการจัดหาปิโตรเลียมภายในประเทศได้ โดยในเบื้องต้นคาดว่าแหล่งปิโตรเลียมดังกล่าวจะสามารถผลิตน้ำมันดิบได้ประมาณ 300-400 บาร์เรลต่อวัน และสามารถทดแทนมูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบได้ประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี
ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีแรกของการสำรวจจะมีการลงทุนขั้นต่ำภายในประเทศ และผลประโยชน์พิเศษที่รัฐจะได้รับ รวมประมาณ 4.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 130 ล้านบาท และหากสามารถพัฒนาแหล่งและผลิตปิโตรเลียม ในแปลงสำรวจปิโตรเลียมดังกล่าวได้ก็จะสามารถสร้างรายได้ให้แก่รัฐในรูปแบบของค่าภาคหลวงและภาษีเงินได้ปิโตรเลียมที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม ทำให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้แก่ท้องถิ่นต่อไป
ที่มา: กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน