บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือไอวีแอลบริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก ได้ดำเนินการรีไซเคิลขวด PET ครบ 50,000 ล้านขวด นับตั้งแต่เริ่มเข้าสู่ธุรกิจรีไซเคิลในปี 2554 ซึ่งมีน้ำหนักเทียบเท่าช้างจำนวนกว่า 200,000 เชือก ความสำเร็จในการรีไซเคิลครั้งสำคัญนี้ช่วยลดการใช้น้ำมันดิบไปกว่า 3 ล้านบาร์เรล และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน 1.65 ล้านตัน และเพื่อสานต่อความสำเร็จ ไอวีแอลตั้งเป้าลงทุน 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อขยายธุรกิจรีไซเคิลทั่วโลก
ยาโชวาดัน โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านรีไซเคิล อินโดรามา เวนเจอร์ส กว่าวว่า วันนี้ ไอวีแอลได้รีไซเคิลPET ขวดที่ 50,000 ล้านเป็นที่เรียบร้อย นับตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจรีไซเคิลในปี 2554 ในฐานะบริษัทไทย เรารู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่มีส่วนสำคัญในการบรรลุความสำเร็จอีกขึ้นของการรีไซเคิลระดับโลก และเราจะเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง เพราะ PET เป็นวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งใช้พลังงานและน้ำในการผลิตน้อยกว่าบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มที่ใช้วัสดุชนิดอื่น ภายในระยะเวลา 5 ปีนับจากนี้ คาดว่าไอวีแอลจะสามารถเพิ่มการรีไซเคิล PET เป็น 50,000 ล้านขวดต่อปี
ยาโชวาดัน โลเฮีย กล่าวว่า“เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ไอวีแอลเตรียมลงทุนมากถึง 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อขยายธุรกิจรีไซเคิลของเรา ซึ่งจะสนับสนุนสินค้าอุปโภคบริโภคแบรนด์ต่างๆ ที่มีความต้องการใช้ PET รีไซเคิลสำหรับผลิตขวดบรรจุภัณฑ์มากขึ้นอีกความจริงแล้ว ขวด PET ทุกขวดควรถูกนำไปรีไซเคิล เรากำลังผลักดันให้เกิดระบบรีไซเคิลที่เป็นประโยชน์ต่อโลก โรงงานรีไซเคิลทั่วโลกของไอวีแอลมีช่วยเติมเต็มวงจรการใช้ผลิตภัณฑ์และทำให้เกิดระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับขวด PET”
ริชาร์ด โจนส์ รองประธานอาวุโส และหัวหน้าฝ่ายสื่อสารองค์กรและความยั่งยืน กล่าวว่า “เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมากที่ ไอวีแอลบรรลุเป้าหมายดังกล่าว และเราจะพัฒนาการรีไซเคิลให้เติบโตขึ้นอีกภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ที่ผ่านมา ไอวีแอลได้ลงนามข้อตกลงร่วมกับ โคคา-โคล่า เพื่อก่อสร้างโรงงานรีไซเคิลที่ทันสมัยในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งจะผลิต PET รีไซเคิลคุณภาพสูงที่ได้มาตรฐานบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารและเหมาะสำหรับขวดเครื่องดื่มใหม่ ปัจจุบัน ไอวีแอลสามารถผลิตขวดที่ทำมาจาก PET รีไซเคิล ซึ่งมีความปลอดภัยและถูกสุขอนามัย จัดส่งให้กับแบรนด์เครื่องดื่มชั้นนำในยุโรป อเมริกา และประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งถือครั้งแรกในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ โดยโรงงานแห่งใหม่นี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2564”