“แสงชัยแอร์ควอลิตี้” ผู้นำเข้าเครื่องฟอกอากาศคุณภาพสูง แบรนด์ Blueair (บลูแอร์) ระดับพรีเมี่ยม จากประเทศสวีเดน เผยยอดขาย ปี พ.ศ.2562 เติบโตจากปีพ.ศ.2561 กว่า 300% รับค่าฝุ่น PM 2.5 พุ่งสูงขึ้นในไทย ชูเครื่องฟอกอากาศ Blueair ได้คุณภาพมาตรฐานจากยุโรป มีความเร็วในการฟอก CADR สูงที่สุดในโลก และเงียบที่สุดในโลก ใช้เทคโนโลยีไส้กรอง HEPASilent ลิขสิทธิ์เฉพาะ Blueair สามารถฟอกอากาศได้ที่ 0.1 ไมครอน ฟอกได้ 99.97% ได้รับการรับรองจากสถาบันทดสอบเครื่องฟอกอากาศ AHAM พร้อมบริการหลังการขายที่เป็นเลิศ เดินหน้าเปิดตัวสินค้าใหม่อีก 2 ซีรีส์ กลางปีพ.ศ.2563 นี้
วรเทพ อัศวนิเวศน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสงชัยแอร์ควอลิตี้ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องฟอกอากาศ แบรนด์ Blueair (บลูแอร์) กล่าวว่า บริษัท แสงชัยแอร์ควอลิตี้ จำกัด เป็นหนึ่งในบริษัทเครือของแสงชัยกรุ๊ป ซึ่งดำเนินธุรกิจมากว่า 40 ปี โดยบริษัท แสงชัยแอร์ควอลิตี้ จำกัด เริ่มก่อตั้งในปี พ.ศ. 2545 ดำเนินธุรกิจมามากกว่า 18 ปี โดยเริ่มจากธุรกิจเครื่องฟอกอากาศ ซึ่งปัจจุบันคือ เครื่องฟอกอากาศแบรนด์ Blueair จากสวีเดน วางจำหน่ายทั่วโลกกว่า 60 ประเทศ ด้วยเป็นสินค้าที่คัดสรรแล้วว่ามีคุณภาพที่ดีที่สุด อัตราการฟอกสูงที่สุด ตามมาตรฐานสากล มีดีไซน์ที่สวยเรียบแบบสแกนดิเนเวีย มั่นใจว่าจะได้รับอากาศที่บริสุทธิ์
“เหตุผลสำคัญที่ทางแสงชัยฯ นำเครื่องฟอกอากาศ Blueair มาทำตลาดในประเทศไทย เนื่องจากเราเห็นแนวโน้มของปัญหามลพิษที่เริ่มมากขึ้นทุกๆ ปี ในประเทศกำลังพัฒนา ดังนั้นความสำคัญของอากาศบริสุทธิ์ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ต้องใช้ชีวิตเติบโตภายในบ้าน ในขณะที่อากาศในบ้านเราทุกวันนี้ เต็มไปด้วยฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ทุกคนต้องใส่หน้ากากกันมากขึ้น ด้วยเราหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อต้องออกไปใช้ชีวิตข้างนอก บนท้องถนน แต่อากาศภายในบ้าน เรามีสิทธิ์ที่จะใช้เครื่องฟอกอากาศเพื่อให้เราได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ ดังนั้นเครื่องฟอกอากาศที่ดีและมีคุณภาพสูงจึงเป็นที่จำเป็นมาก ๆในบ้านของเรา” วรเทพ กล่าว
ด้าน บุญฤทธิ์ ฉันสุวรรณ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แสงชัย แอร์ควอลิตี้ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบัน เครื่องฟอกอากาศ Blueair มีจำหน่ายทั้งหมด 4 ซีรีส์ คือ 1.รุ่น Classic แบ่งออกเป็น 3 รุ่น เล็ก-กลาง-ใหญ่ เริ่มต้นที่ห้องขนาด 26 ตรม. 40 ตร.ม.จนถึง 72 ตร.ม. เน้นการใช้งานในบ้านเป็นหลัก มีฟังก์ชั่นเชื่อมต่อ wifi บ้าน เพื่อสั่งการใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่น Blueair Friend บนมือถือ มีเซ็นเซอร์ในตัวเพื่อตรวจจับค่าฝุ่น Pm2.5 ว่ามีปริมาณเท่าใดแสดงผลเป็นตัวเลข และแบบกราฟ สามารถดูย้อนหลังได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบเทคโนโลยี ทำให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น 2.รุ่น Pro มี 2 รุ่น คือ Pro M และ Pro L เหมาะสำหรับใช้ในสำนักงาน หรือ บ้านที่เน้นฟังก์ชั่นการใช้งานที่ง่ายแต่ประสิทธิภาพสูง รวมทั้งโรงพยาบาล อีกด้วย 3.รุ่น Sense+ เน้นดีไซน์ที่โดดเด่น สวยหรู สามารถเป็นเฟอร์นิเจอร์ สำหรับตกแต่งห้องได้ มาด้วยกัน 4 สี บวกกับเทคโนโลยีสั่งงานผ่านมือถือ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ และ 4.รุ่น Blue รองรับในเรื่องของราคา ตัวเครื่องทำจากพลาสติก ใช้งานง่ายสั่งงานแค่ปุ่มเดียว เรียบง่าย และมีสีสัน
“เครื่องฟอกอากาศอากาศ Blueair เป็นเครื่องฟอกอากาศที่มีอัตราการหรือความเร็วการฟอกที่เรียกว่าค่า CADR สูงที่สุดในโลก และเงียบที่สุดในโลก ด้วยเทคโนโลยีไส้กรอง HEPASilent ที่พัฒนาเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะ Blueair สามารถฟอกอากาศได้ที่ 0.1 ไมครอน ฟอกได้ 99.97% มีฟังก์ชั่นเชื่อมต่อ wifi บ้าน สั่งงานระยะไกลผ่านแอพพลิเคชั่น Blueair บนมือถือได้และ ประหยัดพลังงาน ที่สำคัญ Blueair เป็นแบรนด์เดียวในโลกที่ตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อผลิตเครื่องฟอกอากาศให้ดีที่สุดในโลกเพียงอย่างเดียว ทำให้ Blueair ได้รับรางวัลทั่วโลกมากมาย และทุกรุ่นได้รับการรับรองจากสถาบันทดสอบเครื่องฟอกอากาศที่น่าเชื่อถือที่สุดของโลกอย่าง AHAM (Associatioin of Home Appliance Manafacture) ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพในการใช้งาน” บุญฤทธิ์ กล่าว
บุญฤทธิ์ กล่าวถึงตลาดเครื่องฟอกอากาศ Blueair ว่า มีการเติบโตอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา มีการเติบโตเกือบเท่าตัว ในระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาวะมลพิษเพิ่มสูงขึ้นทุกปี การก่อสร้าง การพัฒนาประเทศ จำนวนรถยนต์ที่มากขึ้น โดยเฉพาะในปีพ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา ยอดขายบริษัทฯ เติบโตจากปีพ.ศ. 2561 ถึง 3 เท่าหรือ 300 % เนื่องจากปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 ในปีที่ผ่านมา ประกอบกับ Blueair เป็นแบรนด์เดียวที่มี Spare Part และมีฟรีเซอร์วิสถึงบ้าน 2 ครั้งหลังจากการซื้อผลิตภัณฑ์ รวมทั้งมีทีม Call center คอยเตือนการเปลี่ยนไส้กรองทุก 6 เดือน ทำให้การให้บริการหลังการขาย (After Service) ของ Blueair โดดเด่น ส่งผลให้ยอดขายปีที่ผ่านมาเติบโตสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ที่ผ่านมา ยอดขาย Blueair เติบโตประมาณ 20-30% ทุกปี โดยปีนี้คาดว่ายอดขายน่าจะเติบโตจากปีที่ผ่านมา 20% เช่นกัน
ปัจจุบันตลาดเครื่องฟอกอากาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการแข่งขันที่รุนแรง ไม่เฉพาะแต่ประเทศไทยเท่านั้น เนื่องจากปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 เกินระดับความปลอดภัยในหลายๆ เมือง ในส่วนของประเทศไทย จากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดขายเครื่องฟอกอากาศโดยรวมโตกว่า 50% เนื่องจาก Blueair จัดอยู่ในกลุ่มเครื่องฟอกอากาศระดับพรีเมียมเพียงรายเดียว จึงแทบไม่มีคู่แข่งในตลาดบน ทำให้มียอดขายและส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในตลาดพรีเมียม คิดเป็นสัดส่วนทางการตลาดถึง 70% โดยลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และมีการศึกษาที่ดี
“ขณะนี้แสงชัยแอร์ฯ นำเข้าสต็อกเครื่องฟอกอากาศ Blueair ประมาณ 3 เท่าในหลายๆ ซีรีส์เพื่อให้เพียงพอกับช่องทางการจำหน่ายต่าง ๆในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า Central, Power Buy, Paragon, Emporium, The Mall และเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาได้จำหน่ายผ่านบุญถาวร ซึ่งมีสาขาที่กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ อุดรธานี และนครราชสีมา รวมทั้งสามารถสั่งซื้อผ่านช่องทาง Online ได้แก่ Shopee, Lazada, Robinson online, Central online” บุญฤทธิ์ กล่าว
ในช่วงประมาณกลางปีพ.ศ.2563 นี้ Blueair จะเปิดตัวสินค้าใหม่อีก 2 ซีรีส์ ซึ่งมีประสิทธิภาพและนวัตกรรมที่ล้ำหน้าคู่แข่งไป เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสใช้สินค้าที่มีนวัตกรรมการฟอกอากาศที่สูงมาก ๆ อีกด้วย