เอนเนอจีไชน่า รัฐวิสาหกิจพลังงานรายใหญ่ของจีนได้ร่วมมือกับบริษัทบีกริม เพาเวอร์ ลงทุนโรงไฟฟ้าไฮบริด สำหรับงานระบบไฟฟ้าและระบบน้ำเย็นในสนามบินอู่ตะเภา เฟส 1 อยู่ระหว่างการเจรจาเช่าที่ดินจากกองทัพเรือ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้เอนเนอจีไชน่าถือว่ามีบทบาทสำคัญในการผลิตไฟฟ้าในประเทศจีนถึง 70% มีกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 220 กิกะวัตต์ นอกจากนี้ยังได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานที่ออกไปลงทุนด้านพลังงานในเส้นทางสายไหมใหม่ของจีน
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าไฮบริดสำหรับระบบไฟฟ้าและระบบนำเย็นในสนามบินอู่ตะเภา เฟส 1 นั้น บริษัท บีกริมฯ ได้รับการคัดเลือกจากกองทัพเรือในฐานะเจ้าของพื้นที่ให้ดำเนินโครงการต่างๆ โดยบีกริมมีแผนจะดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 80 เมกะวัตต์ พร้อมทั้งดำเนินการจัดหาพื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 15 เมกะวัตต์ และระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) 50 เมกะวัตต์ชั่วโมง โดยจะก่อสร้างและเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ให้กับพื้นที่รับผิดชอบหลักบริเวณสนามบินอู่ตะเภา และพื้นที่รับผิดชอบรองในส่วนของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ พร้อมทั้งจำหน่ายน้ำเย็นให้ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาในเดือนมกราคม 2564
นอกจากนี้บีกริมยังได้เสนอแผนการดำเนินงานโรงไฟฟ้าในสนามบินอู่ตะเภา เฟส 2 ซึ่งประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 80 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน และหรือติดตั้งบนหลังคา และหรือแบบลอยน้ำอีก 55 เมกะวัตต์ ซึ่งจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2,400 ล้านบาท โดยแผนการสร้างโรงไฟฟ้าในเฟส 2 นี้ บริษัทมีแผนกำหนดไว้ระหว่างช่วงปี 2564-2566