บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ผนึกกำลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ขับเคลื่อนโครงการ “ต้นแบบการบริหารจัดการขยะพลาสติกครบวงจรในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเพื่อเป็นโมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียนให้กับประเทศ”สนับสนุนการบริหารจัดการขยะพลาสติกในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ดันเป้าหมายการใช้ทรัพยากรของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รทว.ทส.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ขับเคลื่อนโครงการ “ต้นแบบการบริหารจัดการขยะพลาสติกครบวงจรในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเพื่อเป็นโมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียนให้กับประเทศ” ระหว่าง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) และ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GC) ในการสนับสนุนนโยบายการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเชิงรุก ที่เป็นไปตาม Roadmapการจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561 – 2573 ในการนำขยะพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์ด้วยระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ในการจัดระบบอนุรักษ์ฟื้นฟูและป้องกันการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ที่เป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) สร้างคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดี ลดมลพิษ และลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและระบบนิเวศ
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวง ทส. กล่าวว่า กรอบความร่วมมือในการดำเนินโครงการดังกล่าวกับ GC มีระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่มีนาคม 2563 ไปจนถึง มีนาคม 2564 ที่จะดำเนินงานในด้านต่างๆ ประกอบด้วย ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่สลายตัวได้ทางชีวภาพ ทดแทนการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้งที่นำกลับมารีไซเคิลได้ยาก ด้านการส่งเสริมการบริหารจัดการขยะ ตั้งแต่การคัดแยกขยะ การพัฒนานวัตกรรม สนับสนุนผลิตภัณฑ์รีไซเคิลหรืออัพไซเคิลจากความคิดสร้างสรรค์เพื่อเพิ่มมูลค่า และ ด้านการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร เพื่อสร้างวัฒนธรรมในการใช้และบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความรับผิดชอบร่วมกันในสังคมโดยจะมีการติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดเป็นเป็นรูปธรรม
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า GC ในฐานะผู้นำด้านความยั่งยืนในธุรกิจเคมีภัณฑ์ ซึ่งยึดหลักการดำเนินธุรกิจด้วย Circular Economy ซึ่งบริษัท พร้อมสนับสนุนองค์ความรู้ และดำเนินงานร่วมกับองค์กรอื่น ๆ ในการจัดการขยะพลาสติกแบบยั่งยืนในพื้นที่อุทยานฯ ซึ่ง GC ได้มีการพัฒนาระบบ(Platform) เพื่อแก้ไขปัญหาแบบองค์รวมตลอดห่วงโซ่อุปทานในด้านต่างๆ ครอบคลุม 4 ด้าน ไม่ว่าจะเป็น 1) ไบโอเบส มุ่งเน้นการใช้ผลิตภัณฑ์ไบโอที่สลายตัวได้ด้วยการฝังกลบ 2) ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากปิโตรเลียม มุ่งเน้นการใช้ผลิตภัณฑ์ด้วยความรับผิดชอบ นำขยะพลาสติกกลับมารีไซเคิล หรือ อัพไซเคิล 3) อีโคซิสเต็ม สร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน การตระหนักรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้พลาสติก 4) GC จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยพร้อมให้ความช่วยเหลือลูกค้า SMEs สามารถปรับตัวกับสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค โดยมีแนวร่วมสำคัญจากพันธมิตรทางธุรกิจ ได้แก่บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน ) หรือTPBI และ ฟาร์มดี
นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า อส. ได้คัดเลือกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นพื้นที่นำร่องในการดำเนินงานโครงการครั้งนี้ และจะขยายผลไปยังอุทยานแห่งชาติ อีกจำนวน 14 แห่ง ประกอบด้วย อุทยานทางบก 6 แห่ง ได้แก่ 1) อุทยาน-แห่งชาติอินทนนท์ 2) อุทยานแห่งชาติเอราวัณ 3) อุทยานแห่งชาติเขาสก อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก 4) อุทยานแห่งชาติภูกระดึง 5) อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย 6) อุทยานทางทะเล 7 แห่ง ได้แก่ 1) อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า – หมู่เกาะเสม็ด 2) อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี 3) อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา 4) อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน 5) อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ 6) อุทยานแห่งชาติ ตะรุเตา 7) อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ซึ่งคาดว่าจะเป็นอุทยานแห่งชาติต้นแบบให้กับอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศต่อไป
นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า คพ.พร้อมให้การสนับสนุนทางวิชาการในการดำเนินโครงการฯ ในการส่งเสริมการจัดเก็บและแยกขยะถุงและฟิล์มพลาสติกชนิดพอลิเอทิลีน (PE) และพอลิโพรไพลีน (PP) รวมถึงบริหารจัดการถุงและฟิล์มพลาสติกชนิด PE และ PP ให้เกิดมูลค่าเพิ่มเพื่อให้เกิดระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่อุทยานแห่งชาตินำร่องอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อการดำเนินโครงการต้นแบบการบริหารจัดการขยะพลาสติกครบวงจรในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเพื่อเป็นโมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียนให้กับประเทศ” สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการนำขยะพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน(Circular Economy) ภายใต้ Roadmap ภายใต้ Roadmap การจัดการขยะพลาสติกของประเทศ มีเป้าหมายที่ 1 คือ ลด และเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง 3 ชนิด ในปี 2562 ได้แก่ แคปซีล พลาสติกผสมสารอ็อกโซ่ และไมโครบีด และ 4 ชนิด ในปี 2565 ได้แก่ ถุงพลาสติกหูหิ้วแบบบาง โฟมบรรจุอาหาร แก้วพลาสติก(แบบบาง) และหลอดพลาสติก และเป้าหมายที่ 2 คือ การนำขยะพลาสติกกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ร้อยละ 100 ภายในปี 2570