มหาวิทยาลัยมหิดลร่วมมือกับศูนย์ธรรมาภิบาลในการควบคุมการบริโภคยาสูบ และ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ แสดงจุดยืนร่วมกันโดยจัดงานแถลงข่าวในหัวข้อ ‘เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพมหาวิทยาลัยมหิดลร่วมใจสร้างจุดยืนไม่รับทุนวิจัยและการสนับสนุนจากบริษัทบุหรี่’ โดยมีการให้ข้อมูลและร่วมกันประกาศเจตนารมณ์เพื่อสร้างระบบธรรมภิบาลภายใต้องค์กรที่จะงดรับทุนจากบริษัทบุหรี่ทุกรูปแบบ
รศ.ดร นภเรณู สัจจรักษ์ ธีระฐิติ รองอธิการบดี ฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ และ สื่อสารองค์กร กล่าวว่า นโยบายของมหาวิทยาลัยมหิดล ที่เน้นย้ำบทบาทของการเป็นมหาวิทยาลัยที่มีพันธกิจสำคัญในการให้ความรู้ทางด้านสุขภาพและยังยึดมั่นในการช่วยสื่อสารกับสังคมเพื่อรณรงค์การไม่รับทุนจากบริษัทยาสูบในกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัย ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยมหิดลจะขับเคลื่อนการเผยแพร่ความรู้และข้อมูลทั้งภายในมหาวิทยาลัยและภายนอกมหาวิทยาลัยเพื่อต่อยอดการเป็นมหาวิทยาลัยแห่งสุขภาพ (Healthy University)
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า ในประเทศไทยมีพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 มาตรา 35 ที่ห้ามผู้ประกอบการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้การอุปถัมภ์ บุคคล กลุ่มบุคคล หน่วยการของรัฐ ซึ่งรวมถึงมหาวิทยาลัยด้วย การประกาศงดรับทุนทุกรูปแบบจากบริษัทบุหรี่จึงสอดคล้องกับกฎหมายไทยและช่วยให้บุคลากรในมหาวิทยาลัยมหิดลและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศสามารถทำหน้าที่อย่างเป็นอิสระ ไม่ละเมิดกฎหมาย และผลิตผลงานวิชาการที่ก่อประโยชน์ต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน
คุณบังอร ฤทธิภักดี ผู้อำนวยการศูนย์ธรรมาภิบาลในการควบคุมการบริโภคยาสูบ กล่าวว่า ขณะนี้มีมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกกว่า 20 แห่ง เช่น มหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ ได้ประกาศนโยบายไม่รับทุนและไม่ร่วมกิจกรรมใดๆ กับบริษัทบุหรี่และเครือข่ายของบริษัทบุหรี่ อาทิ มูลนิธิและองค์กรต่างๆ ที่บริษัทบุหรี่จัดตั้งขึ้น “ที่สำคัญการที่มหาวิทยาลัยมหิดลและมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วโลก ประกาศไม่ร่วมมือทุกรูปแบบกับบริษัทบุหรี่นี้ ยังเป็นไปตามกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบ (Framework Convention on Tobacco Control; WHO FCTC) ซึ่งเป็นกฎหมายระหว่างประเทศฉบับแรกที่องค์การอนามัยโลกจัดทำขึ้นเพื่อช่วยในการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบอันเป็นสินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งคร่าชีวิตคนทั่วโลกถึงปีละ 8 ล้านคน”
ดังนั้น การแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในครั้งนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในภายภาคหน้าทุก ๆ มหาวิทยาลัยในประเทศไทยและมหาวิทยาลัยทั่วโลก จะงดรับทุนจากบริษัทบุหรี่ เพื่อเป็นการป้องกันที่จะนำมาซึ่งผลประโยชน์ทับซ้อนในการดำเนินกิจการหลักของมหาวิทยาลัยในการผลิตข้อมูลความรู้