BAFS เผยผลประกอบการ ไตรมาส 2/2566 เติบโตต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 45% และมีมติอนุมัติจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ ภายใต้ชื่อ “BAFS X Mongolia LLC” รองรับการลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจการจัดเก็บน้ำมันและท่อขนส่งน้ำมัน และธุรกิจนำเข้าและส่งออกสินค้าและบริการในมองโกเลีย เฟสแรกนำร่องร่วมลงทุนธุรกิจโซล่าร์ฟาร์ม กำหนดเปิดตัวในปี 2567
ม.ล. ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ หรือ BAFS เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท 10.7 ล้านบาท โดยมีรายได้จำนวนรวม 743 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% ของช่วงเวลาเดียวกันจากปีก่อน ส่งผลให้รายได้ในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1,537 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% ของช่วงเวลาเดียวกันจากปีก่อน
โดยเป็นรายได้จากค่าบริการจำนวน 644 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นตามปริมาณน้ำมันอากาศยานที่กลุ่มบริษัทให้บริการตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ที่สอดคล้องกับการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจรวมของประเทศ ในขณะที่รายได้ค่าบริการขนส่งน้ำมันภาคพื้นดินและจัดเก็บน้ำมันของบริษัทย่อยเพิ่มขึ้นตามปริมาณน้ำมันรวมทุกผลิตภัณฑ์ของโครงการขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือ (NFPT) รวมถึงรายได้จากธุรกิจพลังงานไฟฟ้า 85.5 ล้านบาท รายได้จากเงินปันผลการลงทุนในธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า และรายได้อื่นๆ ของกลุ่มบริษัทฯ
ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก โครงสร้างรายได้ของกลุ่มบริษัท (BAFS Group) แยกตามธุรกิจมาจากรายได้จากธุรกิจการบิน 74% รายได้จากธุรกิจการให้บริการขนส่งน้ำมันทางท่อ 12% และรายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า 14% ซึ่งเป็นหนึ่งในการดำเนินงานตามกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจด้วยการลงทุนในธุรกิจประเภทอื่นๆ ผ่านการดำเนินงานใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจการบิน กลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน และกลุ่มบริการธุรกิจ โดยมีเป้าหมายปรับสัดส่วนโครงสร้างรายได้ให้สมดุล
ล่าสุด บริษัท บาฟส์ คลีน เอนเนอร์ยี่คอร์เปอเรชั่น หรือ BC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ BAFS ถือหุ้น 100% แจ้งการจัดตั้งบริษัท BAFS X Mongolia LLC บริษัทย่อยใหม่ ในประเทศมองโกเลีย โดย BC ถือหุ้นในสัดส่วน 100% เพื่อประกอบธุรกิจโดยมีรายได้จากการถือหุ้นในบริษัทอื่นเป็นหลัก ธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจการจัดเก็บน้ำมันและท่อขนส่งน้ำมันและธุรกิจนำเข้าและส่งออกสินค้าและบริการ ในเฟสแรกมีแผนนำร่องร่วมลงทุนธุรกิจโซล่าร์ฟาร์ม พลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ โดยมีกำหนดเปิดตัวภายในปี 2567
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างการงวดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน 2566) ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท โดยการกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 25 สิงหาคม 2566 และให้กำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 8 กันยายน 2566 สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคงและเสถียรภาพการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน