เพราะเชื่อว่า “พลังความรู้ คือ พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา” บ้านปู เน็กซ์ ผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานสะอาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จึงเดินหน้าสานต่อ “โครงการพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเรียนรู้ Light & Learn” นำแสงสว่างจากระบบโซลาร์ไปเพิ่มโอกาสการเรียนรู้และสร้างประโยชน์ครอบคลุม 5 ด้าน ได้แก่ การเรียนรู้ การสอน คุณภาพชีวิต จิตใจ และสิ่งแวดล้อมให้เด็ก ๆ ในพื้นที่ห่างไกลและขาดแคลนไฟฟ้า
ล่าสุด บ้านปู เน็กซ์ ชวนทีมพนักงาน และ “ครูอาสาบนดอยสูง” ติดตั้งระบบโซลาร์และแบตเตอรี่ให้แก่โรงเรียนศศช.บ้านโป๊ะพอคี จังหวัดตาก พร้อมจัดกิจกรรมสันทนาการ และการสอนเชิงสร้างสรรค์ให้กับเด็ก ๆ เรียนรู้คุณค่าของธรรมชาติและพลังงานสะอาด โดยตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ได้ติดตั้งระบบโซลาร์ให้แก่โรงเรียนในจังหวัดตาก แม่ฮ่องสอน และกาญจนบุรี รวม 73 โรงเรียน กำลังผลิตไฟฟ้ารวมกว่า 73,000 วัตต์ และสนับสนุนนักเรียนรวมแล้วกว่า 2,400 คน
นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “ตลอด 5 ปีที่บ้านปู เน็กซ์ดำเนินโครงการพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเรียนรู้ Light & Learn เรานำระบบโซลาร์ไปติดตั้งให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลและไม่มีไฟฟ้าใช้ โดยเชื่อว่าแสงสว่างจะเป็นอีกหนึ่งพลังที่ช่วยยกระดับการเรียนการสอน พร้อมสร้างประโยชน์รอบด้านให้เยาวชนไทย และคุณครูอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็น 1.ด้านการเรียนรู้ ช่วยเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้เด็ก ๆ ได้พัฒนาการใช้ภาษาไทย และความคิดสร้างสรรค์ 2. ด้านการสอน สนับสนุนให้คุณครูใช้สื่อการสอนที่หลากหลาย และทันต่อโลกยุคใหม่ 3. ด้านคุณภาพชีวิต อำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิต 4. ด้านสิ่งแวดล้อม ได้ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด 100% ซึ่งเด็ก ๆ จะถูกปลูกฝังเรื่องพลังงานสะอาดผ่านการใช้และร่วมกันดูแลรักษา 5.ด้านจิตใจ เติมเต็มความสุข สร้างรอยยิ้ม และความฝันให้เด็ก ๆ จากการเรียนรู้ผ่านสื่อการสอนที่หลากหลาย”
เพื่อไม่ให้ความห่างไกล และความขาดแคลนเป็นอุปสรรคในการเรียนรู้ของเด็ก ๆ บ้านปู เน็กซ์ จึงนำไฟฟ้าจากพลังงานโซลาร์ไปสร้างการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาการเรียนรู้ให้กับเด็ก ๆ ในพื้นที่ห่างไกลและไม่มีไฟฟ้าใช้รวม 73 โรงเรียน กำลังผลิตไฟฟ้ารวมกว่า 73,000 วัตต์ และสนับสนุนเด็ก ๆ มาแล้วกว่า 2,400 คน พร้อมมอบจานดาวเทียม และโทรทัศน์ สำหรับใช้เป็นสื่อในการเข้าถึงข้อมูลการศึกษาทางไกล มอบอุปกรณ์การเรียน และของใช้ที่จำเป็น โดยปี 2560 และ 2561 ติดตั้งระบบโซลาร์พร้อมแบตเตอรี่ให้แก่โรงเรียนในสังกัดศูนย์การเรียนชุมชนไทยภูเขา แม่ฟ้าหลวง จังหวัดตากรวม 37 โรงเรียน ปี 2562 มอบให้แก่ 15 โรงเรียนในเขตพื้นที่หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 36 สำนักงานพัฒนาภาค 3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา จังหวัดแม่ฮ่องสอน ปี 2564 มอบให้แก่ 15 โรงเรียนในจังหวัดกาญจนบุรี ล่าสุดมอบให้แก่ 5 โรงเรียนในอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก พร้อมพาทีมพนักงานและครูอาสาบนดอยสูงร่วมจัดกิจกรรมการเรียนรู้จากธรรมชาติและพลังงานแสงอาทิตย์ให้นักเรียนศศช.บ้านโป๊ะพอคี เช่น ทำผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ ทำหน้ากากพรางตัว โดยให้เด็กๆ นำวัสดุธรรมชาติมาทำหน้ากากในสไตล์ตัวเอง เพื่อเน้นการลงมือทำ และเสริมสร้างจินตนาการผ่านวิชาศิลปะ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมปลูกผักสวนครัว เล่านิทานพลังงานโซลาร์ให้ความรู้เรื่องพลังงานสะอาด พร้อมเลี้ยงอาหารกลางวัน และมอบของขวัญให้เด็ก ๆ
นายอุทัยรัตน์ แสงพระจันทร์ ผู้อำนวยการกศน.อำเภอท่าสองยาง กล่าวว่า “ศศช.บ้านโป๊ะพอคี เป็นศูนย์การเรียนที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร เด็ก ๆ ที่มาเรียนที่นี่เป็นชุมชนชาวไทยภูเขา ซึ่งปกติพวกเขาจะใช้ภาษาถิ่นไม่สามารถพูดภาษาไทยได้ ทำให้มีอุปสรรคทั้งการสื่อสาร และการเรียน ผมต้องขอขอบคุณบ้านปู เน็กซ์ที่นำแสงสว่างจากโซลาร์มาเติมเต็มให้กับโรงเรียนของเรา รวมถึงมอบโทรทัศน์ และสื่อการเรียนต่าง ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะสร้างโอกาสในการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด ช่วยให้เด็ก ๆ สนุกไปกับการเรียนผ่านสื่อที่มีคุณภาพ ได้ดูภาพ ฟังเสียง และฝึกพูดภาษาไทยได้เร็วขึ้น ไม่เพียงเท่านี้คนในชุมชนก็สามารถมาดูข่าวสาร และความบันเทิงได้อีกด้วย ผมเชื่อว่าแสงสว่าง และสื่อเหล่านี้จะช่วยให้เด็ก ๆ และคนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น”
เด็กชายธนวิทย์ เวียงกวี นักเรียนชาวไทยภูเขาชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ศศช.บ้านโป๊ะพอคี กล่าวว่า “ผมรู้สึกดีใจที่โรงเรียนจะมีไฟฟ้าใช้ในการเรียนหนังสือ และทำกิจกรรมต่าง ๆ ต่อไปผมจะได้ดูข่าว ดูหนัง ร้องเพลง และฝึกภาษาไทยได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ พี่ ๆ บ้านปู เน็กซ์ ยังสอนวิธีการใช้งานและดูแลระบบโซลาร์เพื่อให้พวกเรามีไฟฟ้าใช้ไปนาน ๆ ด้วยครับ”
“ปัจจุบันยังมีโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลอีกจำนวนไม่น้อยที่ขาดแคลนไฟฟ้า ดังนั้น บ้านปู เน็กซ์ จะเดินหน้าสานต่อโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง เพราะไฟฟ้าถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการศึกษา และพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยหวังว่าจะช่วยให้เด็ก ๆ เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ นำความรู้ไปพัฒนาตัวเอง ชุมชน และประเทศไทยในอนาคต” นายสินนท์ กล่าวทิ้งท้าย