กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 12 กันยายน 2568 : PepsiCo ผู้นำด้านธุรกิจเครื่องดื่มและอาหารสำเร็จรูปในระดับโลกประกาศชื่อผู้ชนะในโครงการ “Greenhouse Accelerator” หรือ GHAC ประจำปี 2025 ในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) โดยผู้ชนะของของปีนี้เป็นทีม Beijing AIForce Technology ที่ชนะใจกรรมการด้วยนวัตกรรมรถแทรกเตอร์ไฟฟ้าไร้คนขับปล่อยคาร์บอนต่ำ ซึ่งถือเป็นโซลูชันใหม่ที่น่าจับตามองในการยกระดับการทำเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน
โครงการ GHAC ได้เดินทางมาถึงปีที่ 3 ในฐานะโครงการสำคัญของ PepsiCo ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์อีโคซิสเต็มแห่งนวัตกรรมและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโดยภารกิจหลักของโครงการคือการสนับสนุนกลุ่มสตาร์ทอัพดาวรุ่งที่สามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในด้านการเกษตรที่ยั่งยืน เศรษฐกิจหมุนเวียน และการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยผู้เข้ารอบสุดท้ายแต่ละรายจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มศักยภาพ ทั้งในด้านเงินทุนตั้งต้น 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ยังได้รับการให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดจากผู้บริหารของ PepsiCo การเข้าถึงเครือข่ายพันธมิตรของ PepsiCo รวมไปถึงโอกาสสำคัญในการทดลองผ่านโครงการนำร่อง ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้สตาร์ทอัปสามารถขัดเกลาแนวคิดทางธุรกิจให้เฉียบคม จนสามารถนำนวัตกรรมไปใช้แก้ไขปัญหาได้จริงภายใต้อีโคซิสเต็มของ PepsiCo
ในช่วงทดสอบระยะแรก สตาร์ทอัปด้านเทคโนโลยีการเกษตรรายนี้ได้ศึกษาแนวทางที่โซลูชันของพวกเขาจะสามารถผสมผสานเทคโนโลยีอัตโนมัติ ราคาที่เข้าถึงได้ และความยั่งยืนเข้าไว้ด้วยกัน แนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับประเด็นสำคัญของ PepsiCo Positive (pep+) ซึ่งเป็นกรอบการดำเนินงานด้านความยั่งยืนระดับโลกของบริษัท PepsiCo ทั้งนี้บริษัท Beijing AIForce Technology ได้พัฒนารถแทรกเตอร์ไฟฟ้าไร้คนขับปล่อยคาร์บอนต่ำซึ่งใช้การผสมผสานระหว่างการทำงานของหุ่นยนต์และข้อมูล เพื่อการทำฟาร์มอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงความสามารถในการทำงานได้อย่างต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน โดยในฐานะผู้ชนะประจำปี 2025 Beijing AIForce Technology จะได้รับเงินรางวัลเป็นมูลค่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ
Dr. Han Wei ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Beijing AIForce Technology กล่าวว่า เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะโครงการ PepsiCo Greenhouse Accelerator ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปีนี้ การได้เข้าร่วมโครงการนี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับเรา ซึ่งการได้รับคำปรึกษา เครือข่ายทางธุรกิจ และข้อมูลเชิงลึก ช่วยทำให้กลยุทธ์ของพวกเราเฉียบคมยิ่งขึ้น และช่วยเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ ๆ เราขอขอบคุณ PepsiCo ที่เชื่อมั่นในศักยภาพของเรา
Ann Tse ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท PepsiCo ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา โครงการ Greenhouse Accelerator ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้พิสูจน์ ให้เห็นแล้วว่า การทดสอบนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนที่แท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่ความยอดเยี่ยมของแนวคิด แต่คือการพิสูจน์ว่าแนวคิดนั้นสามารถนำไปสู่การเกิดผลลัพธ์ได้ในโลกแห่งความเป็นจริง ทั้งในภาคสนาม ในสายการผลิต และในตลาด
“จุดแข็งของโครงการนี้คือการเชื่อมโยงเหล่าผู้ก่อตั้งเข้ากับห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ของเรา รวมถึงการสร้างกรอบการทำงานที่สามารถวัดผลลัพธ์ได้ทั้งในเชิงสิ่งแวดล้อมและในเชิงเศรษฐกิจ ในแต่ละปี เราได้สร้างโซลูชันต่าง ๆ ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ครอบคลุมทั้งในด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน เกษตรกรรมฟื้นฟู และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงในภาคอุตสาหกรรมของเราในระยะยาว โดยผู้ชนะโครงการในปีนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงเส้นทางการเดินทางดังกล่าว ซึ่งก็คือการเปลี่ยนจากวิสัยทัศน์ไปสู่การลงมือทำจริงและยังช่วยเสริมสร้างแรงผลักดันให้โครงการนี้ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของอีโคซิสเต็มด้านนวัตกรรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้อย่างมั่นคง” Ann Tse กล่าว

โครงการในปีนี้ประกอบไปด้วยสตาร์ทอัพจำนวน 10 ทีม จากประเทศออสเตรเลีย จีน อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ โดยแต่ละทีมจะได้รับการให้คำปรึกษาแบบเฉพาะทางจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลกของ PepsiCo ผู้ชนะโครงการในปีก่อน ๆ และผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในธุรกิจด้านความยั่งยืน การให้คำปรึกษาดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้ารอบสุดท้ายทุกทีม ได้รับการสนับสนุนในการพัฒนานวัตกรรมด้านความยั่งยืนอย่างเต็มที่ ผ่านการแลกเปลี่ยนความรู้และความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญต่าง ๆ เช่น ความท้าทายในด้านการเติบโต การปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ และการขยายผลในเชิงพาณิชย์
กิจกรรมหลักของโครงการประกอบไปด้วย 1.โครงการฝึกอบรมแบบส่วนตัวให้แก่สตาร์ทอัปแต่ละทีม โดยจะได้รับการอบรมแบบตัวต่อตัวจากทีมงาน PepsiCo 2 ท่านต่อทีมสาร์ทอัป 1 ทีม ตลอดระยะเวลา 5 เดือนเต็ม 2.โมดูลการเรียนรู้ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะใน 10 หัวข้อ ซึ่งครอบคลุมถึงเรื่องการปรับโมเดลธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ การจัดการห่วงโซ่อุปทาน การระดมทุน การจัดซื้อจัดจ้าง การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง การตลาด และอื่น ๆ และ3. การให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นศิษย์เก่าของโครงการ GHAC และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่อง

กลุ่มสตาร์ทอัปที่เข้าร่วมโครงการ GHAC ในปีนี้ รายงานและแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่ชัดเจน เช่น ทีม Endua ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เข้ารอบสุดท้าย ได้ค้นพบโอกาสในตลาดใหม่ ๆ ถึง 3 จุด ผ่านเครือข่ายในโครงการ นอกจากนี้ ผู้เข้ารอบสุดท้ายหลายรายยังได้ริเริ่มโครงการนำร่องร่วมกับ PepsiCo หรือเหล่าพันธมิตรในตลาดต่าง ๆ ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อทดสอบโซลูชันภายใต้ห่วงโซ่คุณค่าของ PepsiCo
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายโครงการนำร่องที่ได้เปิดโอกาสให้เกิดการทดสอบและการพัฒนาต่อยอดแนวคิดนวัตกรรมที่น่าตื่นเต้น เช่น การพัฒนาฟิล์มโพลีไฮดรอกซีอัลคาโนเอต (PHA) ของบริษัท Beijing PHAbuilder Biotechnology Co. Ltd., ศูนย์ฟื้นฟูพลาสติกมูลค่าต่ำ (LVP) ของ Bali Waste Cycle และโซลูชันของบริษัท Service Enviro SCAD Inc. ที่เปลี่ยนขยะอินทรีย์ให้เป็นทรัพยากรสะอาดและมีสารอาหารสูง การดำเนินโครงการในสภาพแวดล้อมจริงเหล่านี้ช่วยให้สตาร์ทอัพได้รับข้อมูลและข้อเสนอแนะที่มีค่า รวมไปถึงการสร้างความสามารถทางธุรกิจเพื่อดึงดูดลูกค้า ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้สตาร์ทอัพสามารถปรับกลยุทธ์และเร่งการเติบโตทางธุรกิจได้


เส้นทางของการดำเนินโครงการตลอดระยะเวลา 5 เดือนได้สิ้นสุดลงด้วยกิจกรรมรอบชิงชนะเลิศที่จัดขึ้น ณ นครเซี่ยงไฮ้ โดยสตาร์ทอัพทั้ง 10 ทีม ขึ้นเวทีเพื่อนำเสนอความคืบหน้าในโครงการของตัวเอง ซึ่งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายภาคส่วนได้ทำหน้าที่ตัดสินผู้เข้ารอบสุดท้าย โดยพิจารณาจากเกณฑ์ด้านนวัตกรรม ความเป็นไปได้ในการนำไปใช้ได้จริง ศักยภาพในการขยายผล และความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นตลอดโครงการ
หลังจากการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน บริษัท Beijing AIForce Technology ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการ จากแนวทางปฎิบัติที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในการแก้ไขปัญหาต้นทุนในภาคการเกษตร การขาดแคลนแรงงาน และการปล่อยก๊าซคาร์บอน โดยการทดสอบวัดผลเบื้องต้นในฟาร์มของ PepsiCo ชี้ให้เห็นถึงการลดลงของต้นทุนการดำเนินงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงยังสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวทางการนำไปประยุกต์ใช้ที่เป็นไปได้ในการทำเกษตรกรรมที่ยั่งยืนได้อีกด้วย
นับตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา โครงการ GHAC ได้ให้การสนับสนุนสตาร์ทอัพดาวรุ่งไปแล้วมากกว่า 100 ราย และช่วยสร้างการเติบโตทางรายได้รวมกันมากกว่า 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐในระดับโลก ขณะที่โครงการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกซึ่งจัดขึ้นมาตลอด 3 ปี ได้มอบเงินรางวัลและเงินทุนสนับสนุนให้แก่ผู้เข้ารอบสุดท้ายรวมมูลค่ามากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมทั้งผลักดันให้เกิดโครงการนำร่องที่ประสบความสำเร็จไปแล้วมากกว่า 20 โครงการ
Ashley Brown ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความยั่งยืน บริษัท PepsiCo ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอินเดีย กล่าวว่าโครงการ Greenhouse Accelerator คือหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ pep+ ของเราในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การที่เราเปิดประตูให้ผู้สร้างนวัตกรรมรุ่นใหม่ได้เข้ามาทำงานร่วมกับเรา ทำให้เราสามารถทดสอบและขยายผลโซลูชันที่จะนำไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนของบรรจุภัณฑ์ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการสร้างภาคเกษตรกรรมที่มีความยืดหยุ่นต่อสภาพอากาศได้
“ในทุก ๆ ปี โครงการนี้ได้ช่วยสร้างกลุ่มนวัตกรที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากศิษย์เก่าและผู้ชนะเลิศที่ได้สร้างโครงการนำร่องซึ่งตอบโจทย์เป้าหมายด้านความยั่งยืนของทั้งอุตสาหกรรมและภูมิภาคของเรา เราต้องขอแสดงความยินดีกับทีม Beijing AIForce Technology กับความสำเร็จอันยอดเยี่ยมในการพัฒนาและการทดสอบรถแทรกเตอร์ไฟฟ้าไร้คนขับที่ปล่อยคาร์บอนต่ำสำหรับการทำเกษตรกรรมที่ยั่งยืน ผลงานของพวกเขาคือตัวอย่างของโซลูชันที่สร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริง เรามีความยินดีและตื่นเต้นที่จะได้เห็นพวกเขา นำประสบการณ์จากโครงการ GHAC ไปต่อยอดเพื่อสร้างการเติบโตที่ยิ่งใหญ่ต่อไปในอนาคต” Ashley Brown กล่าว