เอปสัน ประเทศไทยฉลองครบรอบ 33 ปี เปิดตัวโซลูชันเซ็นเตอร์ ศูนย์รวมนวัตกรรมใหม่ มุ่งสร้างความยั่งยืน


เอปสัน ประเทศไทย ฝ่ากระแสเศรษฐกิจโตเกือบยกพอร์ต เผยรายได้ประมาณการปี 2566 เติบโต 8% สวนทางตลาดไอทีขาลง พร้อมจัดทำแคมเปญ ‘33 x Trees’ เพื่อบอกถึงการก้าวเข้าสู่ปีที่ 33 ของบริษัทฯ ด้วยความตั้งใจที่จะช่วยรักษาผืนป่าของไทย โดยชูประเด็นการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ที่สูญเสียไปจากไฟป่า ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ เพราะไม่ได้เกิดความเสียหายแค่กับทรัพยากรป่าไม้ แต่ยังทำลายคุณภาพชีวิตของผู้คนด้วยปัญหาฝุ่นควัน เดินหน้าประกาศเปิดตัวโซลูชันเซ็นเตอร์ ศูนย์รวมนวัตกรรมใหม่มุ่งสร้างความยั่งยืน ฉลองครบรอบ 33 ปีก่อตั้งบริษัทฯ

ยรรยง มุนีมงคลทร

ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2566 เป็นปีที่ท้าทาย แต่ได้พิสูจน์ว่าบริษัทฯ ได้ดำเนินกลยุทธ์ที่ถูกต้องและอยู่นำหน้าตลาด โดยยอดขายประมาณการทั้งปีของเอปสันกลับโตสวนทางเพิ่มขึ้น 8%  ขณะที่ตลาดไอทีเติบโตลดลงกว่า 10% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่ผ่านมา  เนื่องจากบริษัทฯ ไม่เพียงปรับโฟกัสธุรกิจมาที่ตลาด B2B ตั้งแต่เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งปีนี้มีสัดส่วน B2B 40% ทำให้ได้รับผลกระทบไม่มากนักจากความผันผวนที่มีในตลาด B2C ทั้งยังเดินหน้าเพิ่มไลน์อัพสินค้าและสร้าง S-curve ใหม่อยู่เสมอ โดยนำนวัตกรรมใหม่ของเอปสันเข้ามาเปิดตลาด สร้างฐานลูกค้าใหม่ พร้อมกับช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดจากเทคโนโลยีและแบรนด์คู่แข่ง ทำให้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงการสร้างรายได้จากสินค้าเดิมหรือสินค้าเพียงกลุ่มเดียว   ที่สำคัญ การที่เอปสันยึดโยงในคุณค่าของความยั่งยืนตั้งแต่แรกเริ่ม ทำให้ในวันนี้ เอปสันกลายเป็นแบรนด์แรกๆ ที่ลูกค้านึกถึงเป็นอันดับแรก เมื่อมองหาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

สำหรับ Sustainable Value หรือคุณค่าด้านความยั่งยืน คือดีเอ็นเอของไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น ที่ได้ดำเนินธุรกิจบนนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมระยะยาว ‘Environmental Vision 2050’ อย่างจริงจัง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้เป็นศูนย์ในปี 2593 และหยุดการใช้พลังงานจากใต้ดิน และล่าสุดในเดือนธันวาคม 2566 บริษัทฯ ได้เผยความสำเร็จในการเป็นบริษัทแรกในอุตสาหกรรมการผลิตของญี่ปุ่นที่สามารถเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนแบบ 100% ได้ตามกำหนดเวลาที่ให้คำมั่นไว้เมื่อปี 2564 ด้วยการจัดหาพลังงานหมุนเวียนเพื่อมารองรับปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ทุกโรงงานและสำนักงานของเอปสันทั่วโลกใช้ราว 876 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี ทำให้เอปสันคาดว่าจะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนลงได้ราว 4 แสนตันในแต่ละปี

นอกจากนี้ เอปสันยังจะผลักดันให้เกิดการใช้พลังงานหมุนเวียนในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นการผลิตพลังงานของตัวเองมากขึ้น หรือสนับสนุนการพัฒนาแหล่งพลังงานใหม่ผ่านโครงการความร่วมมือกับพันธมิตร ในขณะที่จะลดปริมาณการใช้พลังงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตและขั้นตอนต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์ ทั้งยังจะเดินหน้าต่อไปในขั้นตอนการหมุนเวียนทรัพยากร จนกว่าจะสามารถเป็นองค์กรที่ปล่อยคาร์บอนติดลบ

สำหรับเอปสันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ได้ขานรับนโยบายดังกล่าวและร่วมกันผลักดันให้ประเด็นความยั่งยืนกลายเป็นกระแสหลักในสังคมธุรกิจของแต่ละประเทศ ผ่านผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม และกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ ทั้งยังร่วมมือกับ World Wildlife Fund หรือ WWF ในการทำโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมที่สามารถสร้างแรงกระทบต่อสังคมวงกว้างได้ ในส่วนของเอปสัน ประเทศไทย นอกจากจะให้ความรู้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับคุณค่าด้านความยั่งยืนที่มีอยู่ในเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ เช่น หัวพิมพ์ Heat-Free Technology ที่ไม่ใช้ความร้อนในการพิมพ์  ใช้พลังงานไฟน้อยกว่าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ 85% บำรุงรักษาง่าย เพราะใช้ชิ้นส่วนประกอบน้อยกว่าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ 59%   อีกทั้งยังปลอดภัยจากฝุ่นผงหมึก  หรือหมึก UltraChrome พร้อมทั้งจัดทำกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมมาตลอด

โดยในปี 2566 ได้มีการทำแคมเปญ ‘33 x Trees’ เพื่อบอกถึงการก้าวเข้าสู่ปีที่ 33 ของบริษัทฯ ด้วยความตั้งใจที่จะช่วยรักษาผืนป่าของไทย โดยชูประเด็นการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ที่สูญเสียไปจากไฟป่า ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ เพราะไม่ได้เกิดความเสียหายแค่กับทรัพยากรป่าไม้ แต่ยังทำลายคุณภาพชีวิตของผู้คนด้วยปัญหาฝุ่นควัน

สังฆทานต้นไม้ที่วัดศรีรองเมือง  จ.ลำปาง
สังฆทานต้นไม้ที่วัดศรีรองเมือง  จ.ลำปาง

แคมเปญดังกล่าวจะเน้นการมีส่วนร่วมของพนักงานเอปสันและครอบครัว รวมถึงสื่อมวลชนในกิจกรรมเชิงปฏิบัติต่างๆ เพื่อเรียนรู้ถึงสาเหตุการเกิดไฟป่า ปัญหาผลกระทบ แนวทางป้องกันไฟป่า และการทำงานของเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า เช่นในกิจกรรม ‘เรื่องจริงของคนตีไฟ’ ที่ จ.นครราชสีมา ทั้งยังได้มีส่วนร่วมกับพิธีกรรมทางศาสนาพุทธที่ถูกคิดค้นขึ้นตั้งแต่อดีตเพื่อใช้ความเชื่อมาหยุดปัญหาการรุกและเผาป่าไม้ อย่าง ‘พิธีบวชป่าลับแล’ ที่ จ.ราชบุรี และร่วมทำกิจกรรม ‘คาราวานสังฆทานต้นไม้’ ที่ จ.ลำปาง ที่ได้ถวายต้นกล้าสัก 333 ต้นเป็นพุทธบูชาให้แก่วัด เพื่อนำไปใช้เป็นประโยชน์แก่วัดและชุมชนต่อไป

ยรรยง กล่าวต่อว่าในปีนี้ เอปสัน ประเทศไทยจะย้ายมาที่สำนักงานใหม่บนชั้น 22 อาคารปัน (PUNN Smart Workspace) พร้อมทุ่มงบประมาณกว่า 30 ล้านบาทในการสร้าง Solution Center แห่งใหม่บนพื้นที่มากกว่า 600 ตารางเมตร  เพื่อใช้เป็นที่จัดแสดงและสาธิตการใช้งานผลิตภัณฑ์ทุกกลุ่มของเอปสัน เพื่อสร้างประสบการณ์จริงให้กับลูกค้าก่อนตัดสินใจซื้อ ทั้งยังใช้เป็นที่จัดอบรมเทคโนโลยีและโซลูชันที่มุ่งสร้างความยั่งยืนให้กับตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ โดยแบ่งออกเป็นโซนเครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม ซึ่งมีเครื่องพิมพ์สิ่งทอ (Direct to Fabric) แห่งแรกในอาเซียนและเป็น Hub  ของอุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องพิมพ์ป้ายโฆษณา และเครื่องพิมพ์ภาพ ทั้งยังมีเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสำหรับองค์กร โปรเจคเตอร์ และหุ่นยนต์แขนกล

“การลงทุนสร้างโซลูชันเซ็นเตอร์แห่งใหม่นี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเอปสันที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีการทำงานขององค์กรธุรกิจในไทย ด้วยนวัตกรรมและโซลูชันที่ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มผลิตผล แต่ยังช่วยสร้างความยั่งยืนอีกด้วย เพื่อสร้างสังคมที่ปล่อยคาร์บอนเป็นลบได้ในที่สุด ทั้งยังแสดงถึงความพยายามของบริษัทฯ ที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนได้ง่ายยิ่งขึ้น” ยรรยง กล่าว


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เอง โดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save