สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย และ Rx Tradex ร่วมจัดงานสัมมนาเรื่อง “EV Tech Forum 2025 ในหัวข้อ “แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต” โดยได้รับเกียรติจาก ดร. ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้เชี่ยวชาญร่วมเสวนาในหัวข้อ “ยานยนต์ไฟฟ้ามุ่งสู่ยานยนต์ขับขี่อัตโนมัติ: การปฏิวัตินวัตกรรมที่ต้องเตรียมพร้อมสำหรับยานยนต์แห่งอนาคต ณ ห้อง Silk 1-2 ศูนย์ประชุม BITEC บางนา
สุโรจน์ แสงสนิท นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้า และรองประธานกรรมการบริหารบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันโลกมีการก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ จากพลังงานดั่งเดิมสู่พลังงานทดแทน โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีการพัฒนาสู่พลังงานคาร์บอนต่ำ ที่มีเทคโนโลยีเชื่อมต่ออัตโนมัติ ในขณะเดียวกันพบว่าภาคธุรกิจยานยนต์อัจฉริยะของประเทศจีน กรุงปักกิ่งนั้น มีเติบโตอย่างก้าวกระโดด พบว่าสถิติการเติบโต โดยมียอดขายถึง 17 ล้านคัน คิดเป็นอัตราการเข้าสู่ตลาด 63% ขณะที่ระบบการเชื่อมต่อซอฟต์แวร์ (Software) ในทั่วโลกนั้นจะมีอัตราการเติบโต อยู่ที่ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี2034 ในขณะที่ประเทศไทยมีการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานระบบวิเวศที่เอื้อต่อการพัฒนารถยานยนต์อัจฉริยะ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในด้านการแข่งขันภาคอุตสาหกรรมไทยด้านสิ่งแวดล้อม อีกทั้งในอนาคตหากมีการใช้ยานยนต์ไร้คนขับมากขึ้น เรื่องมาตรฐานรองรับความความปลอดภัยของภาคการขนส่ง เมื่อกรณีเกิดการอุบัติเหตุบนท้องถนนจะสามารถมีกฎ หรือข้อระเบียบมาตราฐานในการรับมือ ภายใต้ระบบที่อัจฉริยะที่ไร้คนขับนี้ได้อย่างไร
รศ.ดร. ยศพงษ์ ลออนวล หัวหน้าศูนย์วิจัย Mobility and Vehicle Technology Research Center (MOVE) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย กล่าวว่า การพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV เป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ (Next Generation Mobility) ที่เป็นแนวโน้มเทคโนโลยีแห่งอนาคต ซึ่งในฐานะศูนย์วิจัยฯ ต้องการช่วยให้เกิดการพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องภายในประเทศ รวมถึงการศึกษาการเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยียานยนต์ขับขี่อัตโนมัติอย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งของประเทศและโลกในขณะนี้ จึงทำให้มหาวิทยาลัยฯมมีแนวคิดในการพัฒนาศูนย์วิจัย MOVE ขึ้น ในปี พ.ศ. 2563 ภายใต้แนวคิด 3i ได้เเก่ i แรก คือ industry ในการสร้างความร่วมมือที่เข้มเเข็งกับภาคอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการ i สอง คือ international infrastructure ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และห้องปฎิบัติการสำหรับการทดสอบตามมาตรฐานสากล และ i สาม คือ integration for innovation impact ในการบูรณาการศึกษา การวิจัยและนวัตกรรมเพื่อสร้างผลกระทบในการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยหวังว่าการทำงานของศูนย์วิจัยฯที่ผ่านมา จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าให้เกิดความเเข็งแกร่งและมั่นคง รวมทั้งการพัฒนาระบบนิเวศของยานยนต์สมัยใหม่ในประเทศไทยได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย
ณัฐนัย หงสุรพันธ์ หัวหน้ากลุ่มมาตรฐานยานยนต์ กรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบกอยู่ระหว่างจัดทำโครงการศึกษาเพื่อจัดทำแผนที่ยุทธศาสตร์ (Strategic Roadmap) สำหรับรองรับ ขับเคลื่อน และกำกับดูแลการใช้งานยานยนต์เชื่อมต่อและขับขี่อัตโนมัติ (Connected and Autonomous Vehicles : CAV) ในประเทศไทย ให้มีความปลอดภัยเป็นไปด้วยความเรียบร้อยอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
ดร.ปาษาณ กุลวานิช หัวหน้าโครงการพัฒนาสนามทดสอบยานยนต์ CAV Proving Ground กลุ่มนวัตกรรมหุ่นยนต์และ ระบบอัตโนมัติ กองวัสดุวิศวกรรมกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กล่าวว่า วศ.มีภารกิจหน้าที่ทางด้านงานวิจัยพัฒนาวิธีทดสอบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยปัจจุบันแนวโน้มทางด้านเทคโนโลยียานยนต์ได้ปรับไปเป็น ยานยนต์ไฟฟ้า ยานยนต์เชื่อมต่อ และยานยนต์ขับขี่อัตโนมัติ ดังนั้น วศ. จึงให้ความสำคัญกับความเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยียานยนต์อัตโนมัติแบบ CAV (Connected and Automated Vehicle) เป็นอย่างมาก โดยได้สร้างสนามทดสอบยานยนต์ขับขี่อัตโนมัติ พร้อมพัฒนาอุปกรณ์และวิธีทดสอบ พร้อมให้บริการ ณ วังจันทร์วัลเลย์ จังหวัดระยอง ภายใต้โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
อย่างไรก็ดี สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยเป็นสมาคมที่ไม่เเสวงหาผลกำไร โดยแนวทางของสมาคมมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการเเลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท ยังรวมไปถึงการให้คำปรึกษาข้อบังคับมาตรฐาน และการดำเนินงานในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ทั้งนี้ทางสมาคมฯ มีการกำหนดการจัดการประชุม ในทุกๆเดือน และมีการเเบ่งคณะทำงานในด้านต่างๆเพื่อสนับสนุน และส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน