สถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับประชากรโลก ปัจจุบันประชากรโลกมีตัวเลขที่สำรวจแล้วประมาณ 7,000 กว่าล้านคน ทรัพยากรในด้านอาหารและน้ำดื่มมีการพัฒนาและวิจัย ส่งเสริมทั้งทางหลักวิชาการทางการเกษตร ปศุสัตว์ การประมง อุตสาหกรรมอาหารแปรรูปต่างๆ ทั้งอาหารสดและอาหารแห้ง การนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในการผลิตอาหารเพื่อให้อาหารและน้ำดื่มมีปริมาณเพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงประชากรโลกได้อย่างเพียงพอ มีการนำสารถนอมอาหารต่างๆ เพื่อให้อาหารทั้งอาหารประเภทเนื้อสัตว์ อาหารทะเล อาหารทางการเกษตร พืชผัก ผลไม้ ฯลฯ มีการนำสารเคมี สารอนินทรีย์ หรือสารออร์แกนิค และกรรมวิธีทางอุตสาหกรรม เพื่อถนอมอาหารจากสิ่งมีชีวิตต่างๆ เพื่อการบริโภคที่เพียงพอของประชากรโลก สารถนอมอาหารทั้งพืชและสัตว์ และอื่นๆ เพื่อการบริโภค มีการใช้ในวงกว้างจึงมีผลข้างเคียงกับสุขภาพของร่างกายมนุษย์ไม่มากก็น้อย มีทั้งส่วนที่เป็นผลดีและผลเสียต่อร่างกายอันก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บในระยะยาวหรือความเสื่อมของสุขภาพร่างกายมนุษย์จนเกิดผลกระทบต่อการแพทย์ที่ต้องหาวิธีมาป้องกันและรักษาโรคภัยไข้เจ็บ คงจะยกตัวอย่างและกล่าวถึงในกลุ่มใหญ่ๆ ที่รู้จักในประชากรโลกและวิทยาการที่นำออกมาเผยแพร่มีดังนี้
1.) สัตว์เลี้ยงเพื่อเตรียมการเป็นอาหารของมนุษย์ หมู วัว ควาย แกะ แพะ สัตว์ปีก นก เป็ด ไก่ ห่านอาหารทะเล ปลา กุ้ง ปู หอย ฯลฯ มีการนำอาหารสัตว์ที่ปนเปื้อนด้วยสารเคมี ฮอร์โมน เพื่อเร่งกระตุ้นการเจริญเติบโตของสัตว์ ให้สัตว์มีขนาดโตและน้ำหนักมาก สารเร่งเนื้อแดงให้เนื้อสวยงามน่ารับประทาน สารเร่งการเจริญเติบโต จึงกลายเป็นสารพิษที่ตกค้างในเนื้อสัตว์เมื่อมนุษย์นำมารับประทานเป็นอาหาร สารพิษที่ตกค้างก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บในมนุษย์ อาหารทะเลมีการใช้สารฟอร์มาลีนเป็นน้ำยาดองศพมาถนอมอาหารทะเลให้ดูสดใหม่ ไม่บูดเน่าเร็ว รวมถึงอาหารแปรรูปของเนื้อสัตว์มีสารกันบูด ผงชูรส เกลือที่ใช้ปริมาณมากเกิน รวมถึงน้ำตาลและสารปรุงรสอื่นๆ ล้วนก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ
2.) อาหารเกษตร พืชผัก ผลไม้ มีการใช้ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง น้ำหล่อเลี้ยงพืชผัก ผลไม้ ผสมเคมีเพื่อเร่งการเจริญเติบโตร่วมกับการใช้ฮอร์โมนกระตุ้นล้วนเป็นผลเสียต่อร่างกายมนุษย์
3.) .อาหารแปรรูปต่างๆ การใช้น้ำตาลในปริมาณมาก การใช้น้ำตาลเทียม ไขมันแปรรูป การผสมสีอาหารที่เป็นเคมีเพื่อสีสันที่สวยงามชวนรับประทาน
จากเหตุผลตัวอย่างเบื้องต้นจึงไม่ต้องสงสัยว่าประชากรโลกอยู่ในอัตราเสี่ยงโรคภัยไข้เจ็บมากขึ้นทุกปี
ที่มา: หมอโฆษิต