บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เผยผลประกอบการไตรมาส 3/2565 รับรู้รายได้เพิ่ม 22% เมื่อเทียบไตรมาส 2/2565 จากปัจจัยบวกค่า Ft และปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ำเพิ่มขึ้น ประกอบกับรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามจากต้นทุน “ก๊าซธรรมชาติ-ถ่านหิน” ที่ปรับสูงขึ้น เป็นแรงฉุดกำไรสุทธิไตรมาส 3 ของ GPSC ลดลง 52% เมื่อเทียบไตรมาส 2/2565 (QoQ) มาอยู่ที่ 331 ล้านบาท
นายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2565 รายได้รวมทั้งสิ้น 33,866 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบไตรมาส 2/2565 (QoQ) จากปัจจัยบวกค่า Ft ช่วงเดือน ก.ย.จาก 24.77 สตางค์ต่อหน่วยมาสู่ระดับ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย และปริมาณการขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และขายไอน้ำให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีเพิ่มขึ้นตามปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น
สำหรับกำไรสุทธิ ลดลง 52% จากปัจจัยราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ margin จากการขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมลดลง กระทบต่อกำไรของ GPSC ทำให้กำไรสุทธิปรับตัวลดลง แม้ว่า Ft จะมีการปรับขึ้นในเดือน ก.ย. ก็ตาม อย่างไรก็ตาม ปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ำรวมของบริษัทฯ ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ความคืบหน้าของการ Synergy เป็นไปตามแผนในไตรมาสนี้ มีการรับรู้มูลค่าจากการควบรวบกิจการสุทธิเพิ่มเติม หลังภาษีจำนวน 595 ล้านบาท เป็นผลจากความร่วมมือทุกฝ่ายเพื่อบริหารจัดการการผลิต และใช้โครงข่ายไอน้ำร่วมกันที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ช่วยขยายฐานลูกค้า และลดต้นทุนในส่วนการบริหารเชิงพาณิชย์ การบริหารจัดการหุ้นกู้ ได้ตามแผนงานที่วางไว้
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี จะยังคงได้รับแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อ และราคาค่าเชื้อเพลิงที่ยังอยู่ในระดับสูงซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาไฟฟ้า ทาง GPSC ได้วางกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อรับมือกับสถานการณ์ต้นทุนเชื้อเพลิงพลังงาน และสอดรับกับทิศทางการเติบโตอย่างยั่งยืนและการส่งเสริมของภาครัฐ โดยมุ่งเน้นการจัดหาแหล่งผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น และนำเทคโนโลยีกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ (CO₂) และที่เกี่ยวข้องมาใช้ ตามแผนเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนมากกว่า 50% ภายในปี 2030 เดินหน้าธุรกิจนวัตกรรมพลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สู่เป้าหมาย Net Zero ปี 2060 เพื่อการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ GPSC พร้อมก้าวสู่การเป็นบริษัทฯ ชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้านนวัตกรรมพลังงานได้อย่างยั่งยืน