ตามประกาศเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ศาลได้มีคำตัดสินอนุญาโตตุลาการให้ปิดคดีการระงับข้อพิพาทระหว่าง จินโกะ โซลาร์ (JinkoSolar Holding Co., Ltd.) และ สเตอร์ลิง แอนด์ วิลสัน อินเตอร์ชั่นแนล เอฟซีอี (Sterling and Wilson International : SW FZE) และบริษัทในเครือ พร้อมต้องจ่ายค่าปรับจำนวน 30,548,000 ดอลลาร์ให้กับ Sterling & Wilson หลังจากได้มีการลงนามในข้อตกลงเกี่ยวกับกับสัญญาการจัดหาโมดูลโซลาร์เซลล์ในช่วงก่อนหน้านี้
เกิดอะไรขึ้นกับ Jinko Solar ?
ก่อนหน้านี้ในปี 2017 Jinko Solar ได้เข้าทำสัญญากับ Sterling & Wilson ในโครงการก่อสร้างและติดตั้งโมดูลโซลาร์เซลล์ขนาด 32 เมกะวัตต์จำนวน 3.2 ล้านโมดูล
จนกระทั่งในปี 2022 Sterling & Wilson ได้เข้าฟ้องร้องต่อศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ (ICC) เกี่ยวกับข้อพิพาทในการจัดหาโมดูลโซลาร์เซลล์ที่ไม่เป็นไปตามสัญญา
- เจ้าของโครงการเรียกร้องค่าเสียหายจากการชำระหนี้จำนวน 4.2816 ล้านดอลลาร์
- เจ้าของโครงการเรียกร้องค่าใช้จ่ายจำนวน 14,145,300 ดอลลาร์ในการก่อสร้างหรือติดตั้งผลิตภัณฑ์โมดูลเซลล์แสงอาทิตย์ขนาด 32MW เพิ่มเติมเพื่อความล่าช้าจาก Jinko Solar
- ค่าเสียหายที่เกิดจากความล่าช้าของ Jinko จำนวน 307 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รวมค่าเสียหายทั้งหมดรวมทั้งสิ้น 326 ล้านดอลลาร์
แม้ว่า Sterling & Wilson จะไม่มีหลักฐานเพียงพอว่า Jinko Solar มีความผิดจริง แต่ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี ศาลอนุญาโตตุลาการก็ได้บทสรุป และดำเนินการให้ Jinko Solar ต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับ Sterling & Wilson เป็นจำนวนเงิน 30,548,000 ดอลลาร์ (รวมค่าธรรมเนียมทางกฎหมาย) ซึ่งเกิดจากต้นทุนที่เกิดขึ้นจากการสร้างและติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่ล่าช้ากว่ากำหนดและค่าธรรมเนียมในการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม สเตอร์ลิง แอนด์ วิลสัน อ้างว่าได้จ่ายเงินค่าชำระบัญชีและค่าธรรมเนียมทั้งหมดให้กับเจ้าหน้าที่เป็นที่เรียบร้อยแล้วจำนวน 50% และที่เหลือยังคงรอดำเนินการในลำดับต่อไป
ข้อพิพาทในครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับ Jinko Solar ในปีนี้เนื่องจากในช่วงต้นปี นักลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียงในประเทศจีนท่านหนึ่งได้ร้องเรียนบนแพลตฟอร์มสื่อสาธารณะว่าโมดูลโซลาร์เซลล์ของ จินโกะ โซลาร์ ซึ่งได้ผ่านการทดสอบ EL จาก ทียูวี ไรน์แลนด์ (TUV Rheinland) นั้นมีรอยแตกร้าวที่ซ่อนอยู่ รวมถึงข้อบกพร่องร้ายแรงอื่น ๆ ในอัตราที่สูงถึง 13 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าเป็นอัตราข้อบกพร่องที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก
Jinko Solar จะเป็นอย่างไรต่อไป
แม้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนวงในเกี่ยวกับคุณภาพผลิตภัณฑ์ของ จินโกะโซลาร์ ในวงกว้าง แต่ Jinko Solar ได้มีการจัดส่งโมดูลโซลาร์เซล์ชนิด N (N-Type) สู่ตลาดอยู่อย่างสม่ำเสมอ
หากมองตามความเป็นจริง Jinko Solar ได้ขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ตลาดโซลาร์เซลล์มีความต้องการจากผู้ใช้งานในระดับสูง และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้โมดูลโซลาร์เซลล์แบบฟิล์มบางขนาดใหญ่ ชนิด N ได้กลายเป็นผลิตภัณฑ์หลักในอุตสาหกรรมโซลาร์เซลล์ เนื่องด้วยประสิทธิภาพการแปลงพลังงานแสงอาทิตย์ให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้าที่สูงขึ้น ตลอดจนความยืดหยุ่นและระบบของโซลาร์เซลล์ที่พัฒนามากขึ้น
นับตั้งแต่การกลับเข้าสู่ตลาดเอแชร์ (A-share) ของ จินโกะ โซลาร์ ก็ได้มีการเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง TOPCon ชนิด N (N-Type) ส่งผลให้รายงานทางการเงินในระหว่างช่วงครึ่งแรกของปี 2566 Jinko Solar ได้จัดส่งโมดูลโซลาร์เซลล์ ชนิด N เป็นจำนวนถึง 16.4 กิกะวัตต์ หรือคิดเป็น 53.25 เปอร์เซ็นต์ ของการจัดส่งผลิตภัณฑ์โซลาร์เซลล์ทั้งหมด ส่งผลให้บริษัท จินโกะ โซลาร์ กลายเป็นผู้นำระดับโลกในแง่ของขนาดยอดขาย
อย่างไรก็ตาม เป็นที่ตั้งข้อสังเกตว่าการผลิตส่วนประกอบที่เป็นฟิล์มบางขนาดใหญ่ของโซลาร์เซลล์นั้นไม่ใช่เทคโนโลยีการผลิตที่ยาก และบริษัทผู้ผลิตโซลาร์เซลล์โดยส่วนใหญ่ก็สามารถสร้างส่วนประกอบที่เป็นฟิล์มบางขนาดใหญ่ในลักษณะนี้ได้เช่นกัน
สถานการณ์การเงินของ Jinko Solar ในปัจจุบัน
ผลการดำเนินงานของ จินโกะ โซลาร์ ในตลาดทุนยังคงมีการสะท้อนถึงข้อกังวล แม้ว่าผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกของ Jinko Solar จะค่อนข้างไปในทิศทางที่สดใส แต่ก็ยังคงมีการระดมทุนเป็นจำนวนมาก ซึ่งนำไปสู่ข้อกังขาของนักลงทุน
โดยที่ผ่านมา Jinko Solar ได้มีการเปิดเผยแผนระดมทุนจำนวน 9.7 พันล้านหยวน เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2566 แต่สิ่งนี้ก็ทำให้ราคาหุ้นของ Jinko Solar ได้ร่วงลง -11.99 เปอร์เซ็นต์
โดย จินโกะ โซลาร์ ได้ให้เหตุผลในการระดมทุนในครั้งนี้ว่า เพื่อเป็นการขยายกำลังการผลิต แต่อย่างไรก็ตามด้วยการปล่อยเงินปันผลโซลาร์เซลล์อย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ได้เข้าสู่ช่วงวงจรขาลง การเพิ่มกำลังการผลิตจึงเป็นเหตุผลการระดมทุนที่สวนทางกลับสถานการณ์ตลาดโซลาร์เซลล์ที่มีความต้องการที่ลดลง และอาจนำไปสู่ปัญหาผลิตภัณฑ์มีจำนวนมากเกินความต้องการของตลาด
หากกลับมาดูตามรายงานทางการเงิน ในปี 2565 อัตรากำไรขั้นต้นสำหรับโมดูลโซลาร์เซลล์ซึ่งเป็นเสาหลักด้านรายได้ของ Jinko Solar อยู่ที่ 10.61 เปอร์เซ็นต์ ลดลงจากเดิม -2.79 เปอร์เซ็นต์
ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นของแผ่นซิลิคอนอยู่ที่เพียง 0.11 ลดลง -20.72 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นที่คาดการณ์กันว่าเมื่อตลาดโซลาร์เซลล์เข้าสู่วงจรขาลง อัตรากำไรขั้นต้นของผลิตภัณฑ์จะยังคงลดลงต่อไปเรื่อย ๆ
สรุป
ด้วยข่าวร้ายของ Jinko Solar ทำให้ไม่สามารถดึงดูดนักลงทุนได้ดีนักเนื่องด้วยตลาดทุนมีความระมัดระวังต่อการลงทุนใน Jinko Solar มาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว รวมถึงช่วงที่ผ่านมามีข้อวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อีกทั้ง Jinko Solar ยังได้แสดงให้เห็นถึงความไม่สมเหตุสมผลในแผนการระดมทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตที่สวนทางกับตลาดโซลาร์เซลล์ในช่วงขาลงและกำลังการผลิตโซลาร์เซลล์ที่มากเกินความต้องการของตลาด ยิ่งเพิ่มแรงกดดันในการดำเนินงานของ จินโกะ โซลาร์ มากขึ้น
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม Jinko Solar ยังคงเป็นบริษัทพลังงานแสงอาทิตย์ชั้นนำที่ครองส่วนแบ่งตลาดโซลาร์เซลล์เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังต้องผ่านความท้าทายต่าง ๆ รวมถึงปัญหาด้านคุณภาพซึ่งอาจหยั่งรากลึกในกระบวนการผลิตและการขนส่งเพื่อแลกกับความไว้วางใจจากนักลงทุนและลูกค้า
ที่มา :
- https://mp.weixin.qq.com/s/dCpyc-h4epHwys9TV6xFYg
- http://static.sse.com.cn/disclosure/listedinfo/announcement/c/new/2023-12-16/688223_20231216_2YMT.pdf