มิตซูบิชิ เคมิคอล กรุ๊ป (MCG) ชูกลยุทธ์ KAITEKI35 เดินหน้าขยายธุรกิจพอลิเมอร์ประสิทธิภาพสูงในประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานการผลิตที่สำคัญในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก พร้อมโชว์วิสัยทัศน์สู่การเป็น “บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมและนวัตกรรม” ที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านนวัตกรรม ความเป็นเลิศในการดำเนินงานประสิทธิภาพด้านพลังงาน และการเชื่อมต่อที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกับซัพพลายเออร์ในท้องถิ่น
จับตาประเทศไทย ศูนย์กลางพอลิเมอร์ประสิทธิภาพสูงในเอเชีย-แปซิฟิก
บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาวัสดุประสิทธิภาพสูง มีคุณสมบัติทนทานน้ำหนักเบา และอเนกประสงค์ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดที่มีบทบาทสำคัญในกลุ่มผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ประสิทธิภาพสูงของมิตซูบิชิ เคมิคอล กรุ๊ป โดยผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ประสิทธิภาพสูงของมิตซูบิชิ เคมิคอล กรุ๊ป สามารถรองรับอุตสาหกรรมหลากหลาย ตั้งแต่ยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์อาหารและการดูแลสุขภาพ
จากความต้องการพอลิเมอร์สมรรถนะสูงที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นแรงผลักดันให้มิตซูบิชิ เคมิคอล กรุ๊ป ขยายขอบเขตการดำเนินงานในประเทศ โดยใช้กำลังการผลิตที่มีอยู่อย่างเต็มความสามารถและพร้อมมองหาโอกาสใหม่ๆ ในตลาดประเทศไทย เนื่องจากธุรกิจพอลิเมอร์ประสิทธิภาพสูงในประเทศไทยยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง และยังมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก
โอนีล รีเมดิโอส กรรมการผู้จัดการ บริษัทมิตซูบิชิ เคมิคอล (ประเทศไทย) จำกัด และผู้อำนวยการโดเมนพอลิเมอร์สมรรถนะสูงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก กล่าวว่า กลยุทธ์ KAITEKI35 คือความสมดุลระหว่างความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนและโลก ด้วยข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ของประเทศไทย เรามุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้า ผ่านการนำเสนอโซลูชันขั้นสูงและกระชับ สร้างความสัมพันธ์กับคู่ค้าในตลาดให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
สร้างความเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งร่วมกับซัพพลายเออร์ในท้องถิ่น
อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของมิตซูบิชิ เคมิคอล กรุ๊ป คือ การสร้างความเชื่อมโยงกับซัพพลายเออร์ในท้องถิ่น เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการเติบโตของบริษัทฯ ด้วยการตระหนักถึงความสำคัญของห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ บริษัทฯ จึงร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและตอบสนองตลาดได้อย่างรวดเร็ว
“เรามุ่งมั่นที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับซัพพลายเออร์และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในประเทศ ความร่วมมือเหล่านี้ไม่เพียงแต่เสริมสร้างการดำเนินงานของเรา แต่ยังมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศไทยอีกด้วย” รีเมดิโอส กล่าว
มิตซูบิชิ เคมิคอล กรุ๊ป มุ่งมั่นที่จะปรับปรุงห่วงโซ่อุปทาน พัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการในประเทศไทย และลงทุนในโครงการร่วมที่ยกระดับคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น
MCG พร้อมสนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของไทย
รีเมดิโอส กล่าวว่า มิตซูบิชิ เคมิคอล กรุ๊ป ดำเนินธุรกิจสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) ของประเทศไทย ซึ่งให้ความสำคัญกับนวัตกรรม ความครอบคลุม และความยั่งยืน โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งมุ่งเน้นอุตสาหกรรมขั้นสูง เช่น ยานยนต์และการผลิต และส่งเสริมเศรษฐกิจแบบ BCG (เศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว) เป็นหัวใจสำคัญของวิสัยทัศน์นี้
ด้วยวิสัยทัศน์การเป็น “บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมและนวัตกรรม” มิตซูบิชิ เคมิคอล กรุ๊ป ได้ริเริ่มโครงการประหยัดพลังงานในโรงงานที่ประเทศไทย โดยติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสู่การผลิตพลังงานสีเขียวและลดการปล่อยคาร์บอนสะท้อนถึงความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ ความพยายามนี้ยังสอดคล้องกับแนวทางระดับโลกในการสนับสนุนโซลูชันพลังงานสะอาด
ยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันในอุตฯ ยานยนต์และการผลิตของไทย
ภาพรวมโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทย พบว่าอุตสาหกรรมยานยนต์และการผลิตยังคงมีบทบาทหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อ GDP การลงทุนและนวัตกรรมด้านพอลิเมอร์ประสิทธิภาพสูงของมิตซูบิชิ เคมิคอล กรุ๊ป บริษัทฯ จึงได้นำเสนอนวัตกรรมวัสดุที่ล้ำหน้าเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมเหล่านี้ให้สามารถแข่งขันได้ในบริบทของการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมระดับโลก แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางเศรษฐกิจของประเทศ “ภายใต้แผนงาน KAITEKI35 มิตซูบิชิ เคมิคอล กรุ๊ป ยังคงมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนธุรกิจพอลิเมอร์ประสิทธิภาพสูงในประเทศไทย ด้วยการเสริมสร้างความเชื่อมโยงในท้องถิ่นและยึดมั่นในคุณภาพและนวัตกรรม บริษัทฯ พร้อมที่จะยกระดับความเป็นผู้นำในภูมิภาคและสนับสนุนการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย” รีเมดิโอส กล่าวสรุป