มาลี กรุ๊ป เร่งเครื่องสู่ “Global Wellbeing Company” ในปี 2571  มุ่งขับเคลื่อนสุขภาวะคนทั้งโลก


บริษัท มาลี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE ผู้นำตลาดน้ำผลไม้พรีเมียมอันดับ 1 ของไทยที่อยู่เคียงข้างผู้บริโภคมากว่า 47 ปี เปิดตัววิสัยทัศน์ใหม่ “Beyond Fruit to Global Wellbeing” เพื่อก้าวข้ามจากธุรกิจน้ำผลไม้ สู่การเป็นองค์กรที่ส่งมอบสุขภาวะระดับโลกทั้งด้านสุขภาพและความสุขอย่างยั่งยืน มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตผู้บริโภคทั่วโลก

MALEE

ด้วยแนวคิด “One Malee” รวมพลังคนในองค์กรสู่เป้าหมายเดียวกัน เดินหน้ายุทธศาสตร์พัฒนาแบรนด์ MALEE ให้เป็น Wellness Lifestyle Brand ระดับภูมิภาค รักษาความเป็นผู้นำตลาดในประเทศ ขยายตลาดต่างประเทศ และสร้างการเติบโตเฉลี่ยปีละ 10–15% ในช่วงปี 2569–2571 เพื่อก้าวสู่เป้าหมายการเป็น Global Wellbeing Company ภายในปี 2571

เอกรินทร์ พินิจ

เอกรินทร์ พินิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาลี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE เปิดเผยว่า ปัจจุบันมาลีเป็นผู้นำตลาดน้ำผลไม้พรีเมียมและแบรนด์น้ำมะพร้าวอันดับ 1 ของไทย พร้อมดำเนินธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) ให้กับแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก โดยครึ่งปีแรกของปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้รวมกว่า 3,824 ล้านบาท จาก 3 โรงงานหลักที่อ.สามพราน จ.นครปฐม อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และเวียดนาม รวมถึงฟาร์มวัวนมในเครือ ภายใต้แผนการเติบโตสู่ธุรกิจสุขภาพเต็มรูปแบบ

ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตรวมกว่า 749 ล้านลิตรต่อปี โดยแบ่งสัดส่วนการผลิต 60% สำหรับตลาดในประเทศ และ 40% สำหรับตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นฐานสำคัญในการต่อยอดสู่เป้าหมายการเป็น “Global Wellbeing Company” ภายในปี 2571 ภายใต้วิสัยทัศน์ “Beyond Fruit to Global Wellbeing”

ภายใต้วัฒนธรรมองค์กร “One Malee” บริษัทฯ มุ่งมั่นส่งมอบสุขภาวะที่ดีทั้งด้านสุขภาพและความสุข (Healthier & Happier) ด้วยการผสานความเชี่ยวชาญในธุรกิจน้ำผลไม้เข้ากับนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ โดยมีหัวใจสำคัญคือการรวมพลังของทุกคนในองค์กรให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อขับเคลื่อนพันธกิจและเป้าหมายร่วมกันอย่างยั่งยืน

“สำหรับกลยุทธ์หลักปี 2568–2571 บริษัทฯ วางเป้าการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ราว 10–15% โดยเพิ่มสัดส่วนรายได้จากแบรนด์ตนเองจาก 35% เป็น 55% พร้อมขยายพอร์ตสินค้าสู่หมวดสุขภาพและพืชทางเลือก (Plant-Based) และเพิ่มการเติบโตในตลาดต่างประเทศ เช่น จีน อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และเอเชียกลาง” เอกรินทร์  กล่าว

MALEE

ในส่วนของธุรกิจตราสินค้า บริษัทฯ จะรีเฟรชภาพลักษณ์แบรนด์ Malee และผลิตภัณฑ์ในเครือ เช่น Malee Coco, ผลไม้กระป๋อง Malee และนมตราฟาร์มโชคชัย พร้อมออกสินค้าใหม่ปีละ 2–3 รายการ เพื่อรับเทรนด์สุขภาพ

ขณะเดียวกัน หน่วยงาน Malee Applied Science (MAS) จะเป็น “อาวุธลับ” ขององค์กร โดยพัฒนาเทคโนโลยีด้าน Agri Tech, Food Tech, Nano Tech และ Bio Tech เพื่อสร้างนวัตกรรมอาหาร อาหารเสริม และผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ รวมถึงการอัปไซเคิลวัสดุเหลือใช้ให้เกิดมูลค่าเพิ่ม

ด้านธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์และรับจ้างผลิต (CMG) จะยกระดับสู่การเป็นพันธมิตรระดับโลก (Partner of Choice) โดยต่อยอดผลิตภัณฑ์ครอบคลุมตั้งแต่น้ำมะพร้าว นมพืช นมโค ชา กาแฟ พร้อมสร้างโซลูชันการผลิตที่ยั่งยืนตามหลัก ESG

ปัจจุบันตลาดเครื่องดื่มน้ำผักและผลไม้พร้อมดื่มในประเทศไทยมีมูลค่ารวมกว่า 12,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นตลาดพรีเมียมราว 4,000 ล้านบาท และยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 2% สะท้อนเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ ความเป็นธรรมชาติ และคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้นอย่างชัดเจน

“มาลีกรุ๊ปยึด “ESG” เป็นแกนกลางของการเติบโตอย่างยั่งยืน ครอบคลุมการใช้พลังงานสะอาด เช่น Solar Rooftop การลดใช้พลาสติกและพัฒนาแพกเกจจิ้งรักษ์โลก รวมถึงการบริหารจัดการของเสีย (Upcycling Waste) เพื่อสร้างมูลค่าใหม่ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้บริโภคทั่วโลกอย่างแท้จริง” เอกรินทร์ กล่าว

เรืองรัตน์ ว่องสุวรรณเลิศ

ด้านเรืองรัตน์ ว่องสุวรรณเลิศ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานการตลาด บริษัท มาลี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE กล่าวว่า พอร์ตโฟลิโอภายใต้แบรนด์ “มาลี” ถูกพัฒนาบนพื้นฐานของความเข้าใจผู้บริโภค (Consumer Insight) โดยเฉพาะกลุ่มที่หันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพแบบองค์รวมและเชิงป้องกันมากขึ้น จุดแข็งของมาลีคือ “คุณค่าสารอาหารที่สดชื่น” และ “MAS” หรือ Malee Applied Science ซึ่งเปรียบเสมือนอาวุธลับของบริษัทฯ ในการคิดค้นสูตรเฉพาะและสารอาหารเชิงนวัตกรรม โดยเฉพาะในกลุ่มน้ำผักผลไม้และน้ำมะพร้าว

ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดอย่าง Malee Power Plants เป็นอีกก้าวสำคัญของการสร้างแบรนด์สุขภาพ ด้วยนวัตกรรม “INNOGUTZ” ที่ช่วยเสริมสุขภาพลำไส้ให้แข็งแรงผ่านพรีไบโอติกส์และโพสไบโอติกส์ เตรียมต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในปี 2569 เพื่อขยายฐานผู้บริโภครุ่นใหม่และตอบโจทย์เทรนด์ Wellness Lifestyle ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

ด้านการตลาด บริษัทฯ เตรียมปรับภาพลักษณ์แบรนด์ Malee และ Malee COCO ให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่มากขึ้น ผ่านกลยุทธ์แบรนด์แอมบาสเดอร์ การจัดอีเวนต์เชิงสร้างสรรค์ และการสื่อสารด้วยนวัตกรรมดิจิทัล ควบคู่กับการขยายช่องทางจำหน่ายใหม่ เช่น กลุ่ม Food Service และ Online Platform ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งในตลาด B2C และ B2B

นอกจากนี้ มาลี กรุ๊ปยังมุ่งยกระดับแบรนด์ “Malee” สู่การเป็น Wellness Lifestyle Brand ระดับภูมิภาค โดยใช้นวัตกรรมเป็นหัวใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับผู้บริโภคในแต่ละประเทศ พร้อมรุกตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูง เช่น จีน ตะวันออกกลาง อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ รวมถึงรักษาความแข็งแกร่งในตลาดเดิมผ่านกิจกรรมการตลาดต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจแบรนด์ตนเองเป็น 55% ของรายได้รวมในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

“มาลีเป็น Trusted Partner ที่แบรนด์ระดับโลกเชื่อมั่น ด้วยศักยภาพจากโรงงาน 3 แห่งที่มีความยืดหยุ่นสูง ครบวงจรตั้งแต่การจัดหาแหล่งวัตถุดิบจนถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์และการวิจัยพัฒนา (R&D) ทำให้เราสามารถตอบโจทย์ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศได้อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะในตลาดเกาหลีใต้ มาลีครองส่วนแบ่งอันดับ 1 และมีแผนขยายทั้งธุรกิจแบรนด์ของตนเองและรับจ้างผลิตในอนาคต” เรืองรัตน์ กล่าว