RICOH ตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมการพิมพ์ระดับโปรดักชัน พัฒนาเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทใช้หมึกลาเท็กซ์ ไม่มีกลิ่นเหม็น เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในงาน Print Tech & Signage 2020
บริษัท ริโก้ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการโซลูชันจัดการเอกสารชั้นนำ บริการด้านไอที งานพิมพ์เป็นแบบดิจิทัลโดยใช้เทคโนโลยีและบริการที่ใช้นวัตกรรมใหม่ ทั้งเชิงพาณิชย์ และอุตสาหกรรม และระบบเชิงอุตสาหกรรม เข้าร่วมงาน Print Tech & Signage 2020 ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ – 1 มีนาคม 2563 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งภายในงานได้จัดเป็นนิทรรศการแสดงนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และการบริการจากผู้ประกอบการด้านธุรกิจงานพิมพ์ อาทิ กลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท กลุ่มเครื่องพิมพ์ดิจิทัล กลุ่มงานพิมพ์แพ็กเกจจิ้ง กลุ่มเครื่องพิมพ์บนผ้า ธุรกิจบริการ เช่น งานป้ายโฆษณา ธุรกิจอุปกรณ์ก่อน-หลังการพิมพ์ เป็นต้น
โดยวัตถุประสงค์ในการจัดงาน Print Tech & Signage 2020 ในปีนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรงภายใต้คอนเซ็ปต์ “Technology for Better” อีกทั้งไฮไลท์ของนวัตกรรมงานพิมพ์ที่ RICOH ได้นำไปจัดแสดงในงานครั้งนี้ ได้แก่ Pro L5160 ซึ่งเป็นเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทที่ใช้หมึกลาเท็กซ์ ไม่มีกลิ่นเหม็น เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เหมาะสำหรับพิมพ์ภาพขนาดใหญ่ทั้งแบบ indoor และ outdoor เพราะสามารถพิมพ์ได้ทั้งบนวัสดุที่เป็น PVC แคนวาส สติ๊กเกอร์ PP PET แผ่นใส สติ๊กเกอร์เคลือบรถยนต์ และวอลเปเปอร์หลากหลายประเภท ตัวเครื่องนอกจากจะมีหมึกสี CMYK แล้ว ยังมีหมึกพิเศษสีขาว สำหรับพิมพ์งานประเภทฉลากหรือวัสดุแบบใส ทำให้งานพิมพ์ออกมาคมชัดสมจริง
ส่วน RICOH Pro C7200X เป็นเครื่องพิมพ์ระดับโปรดักชันสีที่ได้รับการกล่าวถึงเป็นอย่างมาก และขายดีมากทั้งในยุโรป และอเมริกา โดยนอกจากจะมีสี CMYK แล้ว ยังมีสีพิเศษสีที่ 5 ได้แก่ สีขาว สีเคลียร์ สีชมพูนีออน สีเหลืองนีออน สีแดงล่องหน ช่วยเพิ่มความโดดเด่น และมูลค่าให้กับงานพิมพ์ปลดล็อกขีดจำกัดงานพิมพ์ที่ต้องพิมพ์บนกระดาษสีขาวเรียบ ๆ สร้างโอกาส และคืนทุนเร็ว ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อีกมากมาย ทั้งงานพิมพ์ spot งานพิมพ์รองหลังขาวบนกระดาษเท็กเจอร์ กระดาษสีดำ สีทอง แผ่นใส หรือแม้กระทั่งงานแพ็คเกจจิ้ง และสำหรับ GCC RX II เป็นเทคโนโลยีเครื่องตัด และทำเส้นพับกระดาษคุณภาพดี ราคาย่อมเยา ด้วยความเร็วสูงสุด 1,530 มม. ต่อวินาที สามารถรองรับกระดาษตั้งแต่ขนาด A4 ถึง B2 ที่สำคัญคือมีฟีเจอร์ Auto Feed ทำให้ง่ายในการใช้งาน โดยสามารถที่จะใส่กระดาษในถาดป้อนกระดาษครั้งละหลายๆ แผ่น โดยมีความหนารวมกันสูงสุดได้ถึง 50 มม. หรือประมาณ 250 แผ่น บนกระดาษ 150 แกรม จากนั้นตัวเครื่องจะทำการดึงกระดาษในถาดไปตัดเองทีละแผ่นอัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้องคอยมานั่งใส่กระดาษทีละแผ่นให้เสียเวลา
ทั้งนี้ บริษัท ริโก้ (ประเทศไทย) จำกัด ถือเป็นอีกหนึ่งผู้นำที่ได้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจและยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยกลุ่ม RICOH มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงโตเกียว และมีสาขาดำเนินงานอยู่ในกว่า 200 ประเทศ และภูมิภาค