ถ้าจะพูดวงการเรียลเอสเตทอันดับต้น ๆ ที่มุ่งมั่นพัฒนาหมู่บ้านแถมไอเทมโซลาร์เซลล์ให้กับบ้านทุกหลัง และคอนโดมิเนียมทุกโครงการ คงจะหนี้ไม่พ้น บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บริษัทมหาชนรายเดียวที่จริงจังด้านนี้มาโดยตลอด ด้วยชีวิตประจำวันของเราทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าการใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายที่ต้องแลกไปเพื่อความสะดวกสบายของเรานั่นเองหากมองในมุมมองของผู้บริโภค เรื่องของพลังงานไฟฟ้าเป็นราคาที่เราต้องจ่าย คงจะดีกว่าหากในอนาคตครัวเรือนสามารถผลิตไฟฟ้าใช้เอง และนำส่วนที่เหลือมาขายกลับเป็นรายได้ ด้วยการใช้แผงโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าทางเลือก
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากเดิมหมู่บ้านของเสนาที่ติดตั้งโซลาร์เซลล์โดยทั่วไปจะฝ่ายที่ใช้บริการ หรือ Consumer เพียงอย่างเดียว แต่ด้วยเทรนด์ของโลกธุรกิจที่เปลี่ยนไป รวมไปถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งหลังจากที่ภาครัฐเปิดรับซื้อและขายไฟฟ้าได้ ทำให้ปัจจุบันผู้บริโภคกลายเป็นผู้ผลิต หรือ Prosumer เรียกได้ว่าบทบาทของผู้บริโภคในวันนี้เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง คือเป็นทั้งผู้ซื้อและผู้ขายได้ในคนเดียวกัน โดยเฉพาะตลาดพลังงาน ที่มีการใช้พลังงานทางเลือกอย่างการผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้เองในครัวเรือนด้วยแผงโซลาร์เซลล์นับวันยิ่งมีราคาที่ถูกลง บวกกับกระแสของการประหยัดพลังงาน ทำให้เกิดพฤติกรรมการใช้พลังงานทางเลือกนี้อย่างแพร่หลายมากขึ้น ที่สำคัญส่วนต่างของพลังงานที่เหลือยังเป็นโอกาสการสร้างรายได้ด้วยการขายคืนเข้าระบบไฟฟ้าหลัก หรือซื้อขายระหว่างเพื่อนบ้านด้วยกันเองได้
“เสนามั่นใจและกล้าที่จะใส่โซลาร์ไว้ในสมการบ้านทุกหลัง และคอนโดมิเนียมทุกโครงการ เพราะมองเห็นความคุ้มค่าและประโยชน์ที่ลูกบ้านจะได้รับ ยิ่งช่วงกระแส COVID – 19 มีการหยุดกิจกรรมนอกบ้าน กลับมาใช้ชีวิตอยู่กับบ้านมากขึ้น รวมถึงหลายบริษัท หรือหลายอาชีพปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานหันมาใช้มาตรการ Work From Home ทำให้ต้องใช้ไฟฟ้าที่บ้านทั้งวันทั้งคืนเป็นหลักและปัญหาที่ตามมาพบว่า”ค่าไฟฟ้าดีดตัวเพิ่ม” คนอยู่บ้านทุกวันคงเข้าใจดีและเห็นได้ชัด ดังนั้นการที่รัฐบาลพยายามทำให้ผู้พัฒนาสามารถนำมาใช้ได้เป็นสิ่งที่จะทำให้คนเข้าถึงนโยบายของรัฐบาลได้ดีมากขึ้น โดยทางเสนาเริ่มติดตั้งโครงการแรกในหมู่บ้าน “เสนาพาร์ค แกรนด์ รามอินทรา – กม.8” หลังจากนั้นทุกโครงการของเสนาไม่ว่าเป็นแนวราบ หรือ แนวสูงก็ตามต้องมีโซลาร์เซลล์พ่วงไปด้วยทุกโครงการ ทุกโลเคชั่น เรียกว่าเป็นจุดขายและจุดที่แตกต่างของเสนา” ผศ.ดร.เกษรา กล่าว
ล่าสุด ทางรัฐบาลได้มีนโยบายรับซื้อโซลาร์ภาคประชาชนจาก 1.68 บาทต่อหน่วย ปรับราคารับซื้อเพิ่มเป็น 2.20 บาท เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยที่มีโซลาร์มากขึ้น และแสดงให้เห็นว่าภาครัฐเริ่มสนใจและหันมาสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทน ขณะเดียวกัน ทางเสนาพร้อมผลักดันลูกบ้านเข้าร่วมโซลาร์ภาคประชาชนครั้งนี้ รวมทั้งสิ้น 7 โครงการ ประกอบด้วย 1.เสนาพาร์ค วิลล์ รามอินทรา 2. เสนา วิลล์ ศาลายา 3. เสนา วิลล์ ลำลูกกา-คลอง 6 4. เสนา วีว่า เพชรเกษม – พุทธมณฑล สาย 7 5.เสนา เวล่า เทพารักษ์ – บางบ่อ 6.เสนา แกรนด์ โฮม รังสิต-ติวานนท์ และ 7.เสนา ช็อปเฮ้าส์ ลำลูกกา คลอง 2 รวมทั้งสิ้น 237 หลัง โดยในปีที่ผ่านมา ทางเสนาได้ติดตั้งโซลาร์เซลล์ ที่โครงการเสนา วิลล์ ลำลูกกา – คลอง 6 ขนาด 1.28 กิโลวัตต์ เป็นรายแรกในกลุ่มโปรดักส์ “ทาวน์โฮม” ซึ่งขายในราคา 2 ล้านกว่าบาทเท่านั้น
ปัจจุบันเสนาติดตั้งโซลาร์เซลล์ในทุกโครงการหมู่บ้านและคอนโดมิเนียมแล้ว รวม 500 หลังคาเรือน มากกว่า 1,700 กิโลวัตต์ รวมกับธุรกิจโซลาร์เซลล์อื่นๆ ในห้างสรรพสินค้า เช่น Index, HomePro , 7 – 11 และอาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เบ็ดเสร็จอีก 70-80 เมกะวัตต์ โดยในปีนี้มีแผนเชิงรุกที่จะรับติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้ในกลุ่มรีเทลต่าง ๆ ด้วย
ในปีพ.ศ. 2564 เสนายังคงนโยบายติดตั้งโซลาร์ให้กับทุกโปรดักส์ นอกจากเสนาจะสร้างจุดขายให้สินค้าแตกต่างจากคู่แข่งแล้ว ยังช่วยดูแลโลกให้น่าอยู่ ช่วยให้ลูกบ้านในโครงการของเสนาได้ประโยชน์และได้ประหยัดค่าไฟอีกทางหนึ่งด้วย