ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ผนึกภาครัฐ–เอกชน เปิดสถานีซื้อขายขยะรีไซเคิลต้นแบบที่ระยอง ลดขยะฝังกลบจาก 9 ตัน เหลือเพียง 7 ตันต่อวัน


บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ขับเคลื่อนโครงการ “ข.ขวด หมุนเวียน เป็นขวดใหม่” ตั้งแต่ปี 2566 โดยเริ่มจากกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ที่มุ่งสร้างการรับรู้เรื่องการคัดแยกและรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ ก่อนจะค่อย ๆ พัฒนาและต่อยอดจนกลายเป็นโครงการที่มีความยั่งยืนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิล โดย ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย

ปัจจุบัน บริษัทฯ ก้าวไปอีกขั้นด้วยการเปิด “สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิล โดย ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย” แห่งแรกในตำบลมาบยางพร จังหวัดระยอง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้โรงงานผลิตเครื่องดื่ม และเป็นพื้นที่ที่มีองค์ประกอบครบถ้วนในห่วงโซ่บรรจุภัณฑ์ ทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค ผู้คัดแยก และโรงงานรีไซเคิล โดยสถานีแห่งนี้ไม่เพียงมุ่ง “ลด” ปริมาณขยะฝังกลบ แต่ยัง “เพิ่ม” การหมุนเวียนวัสดุรีไซเคิลอย่างมีคุณภาพ และ “สร้าง” รายได้ใหม่ให้กับชุมชน พร้อมทั้งปลูกฝังพฤติกรรมการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทางแก่เยาวชน เพื่อผลักดันการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนในระยะยาว

สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิล โดย ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย

ต่อยอดโมเดล “ข.ขวด หมุนเวียน เป็นขวดใหม่”

วิภาวรรณ ทัศนปรีชาชัย รองประธานบริหารฝ่ายบรรษัทสัมพันธ์ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้เราได้ยกระดับโครงการสู่การจัดตั้ง “สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิล โดย ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย” ในพื้นที่ตำบลมาบยางพร จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นพื้นที่นำร่องที่มีองค์ประกอบครบถ้วนในห่วงโซ่บรรจุภัณฑ์ ตั้งแต่ผู้ผลิต–ผู้บริโภค–ผู้คัดแยก ไปจนถึงโรงงานรีไซเคิล โดยมุ่งขับเคลื่อนผ่าน 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่ การซื้อขายขยะรีไซเคิล ครอบคลุมขวด PET ขวดแก้ว กระป๋องอะลูมิเนียม กระดาษลัง และน้ำมันพืชใช้แล้ว, การให้ความรู้แก่ชุมชนและนักเรียนกว่า 200 คน เพื่อปลูกฝังการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง และ การสื่อสารสร้างการมีส่วนร่วม อย่างต่อเนื่อง

โดยซันโทรี่ เป๊ปซี่โคได้ลงทุนกว่า 500,000 บาท พร้อมงบหมุนเวียน 30,000 บาท เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการร่วมกับ อบต.มาบยางพร และพันธมิตรสำคัญ ได้แก่ GC YOU เทิร์น และ The Geen เพื่อบริหารจัดการภายในชุมชน โดยเปิดดำเนินการซื้อขายมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568 โดยรับซื้อขยะ 5 ประเภทหลัก ได้แก่ ขวด PET ขวดแก้ว น้ำมันพืชใช้แล้ว กระดาษลัง และกระป๋อง

สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิล โดย ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย

ส่งเสริมสถานีรีไซเคิล ลดขยะเหลือ 7 ตันต่อวัน

อภิชาติ เงินท้วม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลมาบยางพร กล่าวว่า อบต.มาบยางพร ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่มาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องการจัดการขยะ ซึ่งเป็นภารกิจหลักที่เราดูแลอย่างครอบคลุม ทั้งการเก็บรวบรวม การกำจัด และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ที่ผ่านมา เราทำหลายโครงการ เช่น ธนาคารขยะ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง

“วันนี้เราต่อยอดอีกขั้น ด้วยการร่วมมือกับภาคเอกชนอย่าง ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย จัดตั้ง ‘สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิล’ เพื่อช่วยลดปริมาณขยะในพื้นที่ และสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน ผ่านการปลูกฝังแนวคิดว่าขยะมีมูลค่า และการคัดแยกที่ถูกต้องจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงลดภาระการจัดการขยะของภาครัฐได้อย่างแท้จริง พร้อมทั้งบริการประชาชนด้วยงบประมาณที่ต้องดูแลชาวบ้าน จากขยะในหมู่บ้านที่ 9 ตันต่อวัน ทั้งตำบล เราให้บริการทั้ง 570 ไร่ ขยะที่เราเก็บได้เรานำไปส่ง อบจ.จัดการ โดยปัจจุบันลดเหลือ 7 ตันต่อวัน การคัดแยก 5 หมื่นขวดต่อ 1 วัน” อภิชาติ กล่าว

สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิล โดย ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย

สร้างมูลค่าเพิ่มขวด PETจาก 3 เป็น 9 บาทต่อกิโลกรัม

วิภาวรรณ กล่าวว่า ปัจจุบันกำหนดวันรับซื้อเดือนละ 2 ครั้ง ทุกอาทิตย์ที่ 2 และ 4 ของเดือน พร้อมทั้งแจกถุงสีน้ำเงินสำหรับคัดแยกขยะให้กับผู้ที่นำขยะมาขาย ซึ่งแม้จะมีต้นทุนสูงถึงถุงละ 160 บาท แต่เป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการแยกขยะที่มีประสิทธิภาพ และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงของชุมชน

“เป้าหมายหลักสำหรับการดำเนินโครงการในปีแรก มุ่งเน้นที่การได้ทดลอง และเรียนรู้ร่วมกับชุมชนเพื่อค้นหาหนทางดำเนินโครงการอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน พร้อมส่งเสริมการเปลี่ยนพฤติกรรมการคัดแยกขยะ ให้คนหันมาคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี ก่อนนำมาส่งที่สถานีฯ เพราะการคัดแยกขยะให้สะอาดและถูกต้องจะทำให้ขยะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เช่น ขวด PET ที่กรีดฉลากออกมีราคาซื้อขายสูงกว่าขวดที่ไม่กรีด หรือขวดเบียร์ที่แยกใส่ลังถูกต้องจะได้ราคามากกว่านำมาแบบปะปนกัน” วิภาวรรณ กล่าว

สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิล โดย ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย

เดินหน้าต่อยอดสู่วิสาหกิจรีไซเคิล

จากการดำเนินงานตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่าชุมชนเริ่มเข้าใจและปรับพฤติกรรมอย่างเป็นรูปธรรม ร้านค้าในตลาด โดยเฉพาะร้านอาหาร ที่เริ่มนำขยะมาขาย ขยะที่ส่งเข้ามามีความสะอาดขึ้น ปริมาณเพิ่มขึ้น และเริ่มเห็นผู้คนนำขยะกลับมาขายซ้ำอย่างต่อเนื่อง

ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ได้จับมือกับพันธมิตร อย่าง GC YOU เทิร์น เพื่อส่งต่อน้ำมันพืชใช้แล้ว ให้นำไปปรับปรุงใช้เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนในอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งการรับซื้อน้ำมันพืชใช้แล้ว กิโลกรัมละ 20 บาท ถือเป็นการช่วยสร้างรายได้ให้ชุมชน พร้อมทั้งยังช่วยลดปัญหาการทิ้งน้ำมันลงท่อที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรง

สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิล โดย ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย

“นอกจากเป็นผู้ลงทุนแล้ว เรายังรับหน้าที่เป็น “พี่เลี้ยง” ให้กับชุมชน เพื่อให้พวกเขาสามารถบริหารจัดการสถานีได้เองในอนาคต ทั้งนี้ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย มีความตั้งใจที่จะพัฒนาสถานีซื้อขายขยะรีไซเคิลแห่งนี้ สู่การเป็นวิสาหกิจชุมชน ซึ่งจะทำให้สามารถขายขยะโดยตรงให้กับโรงงานรีไซเคิลขนาดใหญ่ได้ ในราคาที่ดีกว่า พร้อมทั้งสามารถยกระดับรายได้ของคนในพื้นที่ไปพร้อมกัน โดยคาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปีเพื่อสร้างศักยภาพอาสาสมัครและระบบชุมชนให้เข้มแข็งพอ”  วิภาวรรณ กล่าว

ปัจจุบัน “สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิล” มีสมาชิกเข้าร่วมแล้ว 99 คน ภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือนจากการเปิดดำเนินงาน โดยมีการหมุนเวียนเข้ามาซ้ำเฉลี่ยราว 5 คนต่อรอบ รวมทั้งหมด 6 รอบที่ผ่านมา กลุ่มหลักที่เข้ามามีบทบาทคือ กลุ่มแม่บ้านและผู้สูงวัยในชุมชน ซึ่งถูกมองว่าเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนสถานีในระยะยาว ทั้งนี้ยังมีอาสาสมัคร 2 คน ที่บริษัทฯ และชุมชนร่วมกันผลักดันให้พัฒนาเป็น “ตัวแทนหลักของสถานี” ในอนาคต เพื่อสืบทอดการบริหารจัดการและสร้างความต่อเนื่องของโครงการอย่างยั่งยืน

สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิล โดย ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย

สุพิชชา ชัยสีดา ตัวแทนผู้รับซื้อและอาสาสมัครในชุมชน กล่าวว่า เดิมที่บ้านเราคัดแยกขยะขายอยู่แล้ว แต่พอเข้าร่วมโครงการนี้ยิ่งทำให้เห็นว่าการแยกให้ถูกวิธีช่วยเพิ่มมูลค่าได้จริง เช่น ขวด PET จากเดิมขายได้กิโลละ 3–4 บาท ตอนนี้แยกสะอาดขายได้ 8–9 บาท น้ำมันพืชใช้แล้วที่เคยทิ้งก็เอามาขายกิโลละ 20 บาท ทำให้ครัวเรือนได้รายได้เพิ่มขึ้น และยังช่วยไม่ให้ทิ้งลงท่อจนกระทบสิ่งแวดล้อม

พัฒนาบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน rPET เตรียมขยายโมเดลสู่สระบุรี

ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ยังคงเดินหน้าสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรม โดยเป็นผู้บุกเบิกการใช้ขวด rPET เจ้าแรกในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2566 และปัจจุบันใช้ขวด rPET มากที่สุดในตลาดกว่า 20 รายการสินค้า แม้ต้นทุนสูงกว่าขวด PET ปกติราว 20–30% แต่บริษัทยืนยันที่จะใช้ต่อเนื่องโดยไม่ปรับขึ้นราคา เพื่อส่งเสริมการรีไซเคิลอย่างจริงจัง ควบคู่กับการร่วมมือกับ GC พัฒนาฝาขวดน้ำหนักเบา ลดการใช้พลาสติกลงถึง 16% และยกเลิกการพิมพ์สีโลโก้บนฝา เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนและทำให้รีไซเคิลง่ายขึ้น

ในอนาคต บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะ ขยายโมเดลการจัดการบรรจุภัณฑ์และสถานีซื้อขายขยะรีไซเคิลไปยังพื้นที่อื่น เช่น จังหวัดสระบุรี โดยย้ำว่าความสำเร็จของโครงการจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทุกภาคส่วน โดยเฉพาะองค์กรปกครองท้องถิ่นและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจัง