จากสถานการณ์น้ำประปาเค็มในเขตกรุงเทพมหานครในช่วงต้นปีที่ผ่านมา นำมาซึ่งคำถามของภาคประชาชนถึงสาเหตุและการนำน้ำประปามาใช้อุปโภค-บริโภค โดยน้ำประปาที่จ่ายให้แก่ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกในช่วงดังกล่าวมีค่าความเข้มข้นของคลอไรด์สูงกว่าค่ามาตรฐานน้ำประปาดื่มได้ ที่กำหนดให้น้ำประปามีปริมาณคลอไรด์ไม่เกิน 250 มิลลิกรัมต่อลิตร[1] และมีช่วงเวลาเกิดน้ำประปาเค็ม 6-12 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพหากนำไปบริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงทั้งเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่มีอาการบางประการ เช่น โรคไตหรือความดันโลหิตสูง