TEI หนุน “ฉลากสิ่งแวดล้อม” ครอบคลุมวงจรชีวิต 125 กลุ่มสินค้า เตรียมขยายผลรีไซเคิลแผงโซลาร์เซลล์


สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) จัดงานสัมมนา “TEI-Ecolabelling Forum 2025: Ecolabel for the Future ฉลากสิ่งแวดล้อมกับการสร้างมูลค่าใหม่ทางธุรกิจ” ตอกย้ำบทบาทของ “ฉลากเขียวและฉลากสิ่งแวดล้อม”ในฐานะองค์กรพัฒนาเอกชนหลักด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศ ยังคงทำหน้าที่สำคัญในการขับเคลื่อนมาตรฐานและระบบการรับรอง “ฉลากสิ่งแวดล้อม” ของไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยเฉพาะ “ฉลากเขียว (Green Label)” ที่รับรองผลิตภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานประเภทที่ 1 (ISO 14024) ซึ่งครอบคลุมการประเมินตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Assessment: LCA) ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ การผลิต การขนส่ง การใช้งาน ไปจนถึงการจัดการหลังหมดอายุการใช้งาน เพื่อให้การรับรองสะท้อนถึงความยั่งยืนอย่างแท้จริง

ดร.วิจารย์ สิมาฉายา

ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทั้งเรื่องโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน ผ่านการเลือกใช้สินค้าฉลากเขียวคือจุดหนึ่งที่เราช่วยสังคมได้ ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าการค้าในตลาดโลกฉลากสิ่งแวดล้อมคือกลไกสำคัญหนึ่งที่ขับเคลื่อนตลาดสีเขียว ซึ่งไทยมีข้อตกลงร่วมกันก็ว่า 15 ประเทศสมาชิก โดยล่าสุดนี้ได้ลงนามกับ สิงคโปร์ ศรีลังกา และอุซเบกิสถาน ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถขอการรับรองฉลากเขียวของประเทศที่เราลงนามข้อตกลงได้สะดวกขึ้น

การพัฒนาเกณฑ์ฉลากเขียวของไทยไม่ได้ทำเพียงในห้องวิชาการ แต่เป็นกระบวนการที่เปิดกว้าง โดย TEI ทำงานร่วมกับ ภาคเอกชน ผู้เชี่ยวชาญ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาด เพื่อให้เกณฑ์ที่พัฒนาขึ้นสามารถตอบโจทย์ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและแนวโน้มทางธุรกิจ เช่น ในช่วงที่กระแส “รีไซเคิล” ได้รับความสนใจมากขึ้น ทีมงานได้พัฒนาเกณฑ์เฉพาะที่สามารถตรวจสอบและรับรองได้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีการใช้วัสดุรีไซเคิลจริง และมีระบบตรวจสอบย้อนกลับที่น่าเชื่อถือ

ขณะที่ “ผลิตภัณฑ์แผงโซลาร์เซลล์” ซึ่งแม้จะถูกมองว่าเป็นเทคโนโลยีสะอาด แต่ในความเป็นจริงยังมีประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมที่ต้องควบคุม เช่น การจัดการวัสดุ การรีไซเคิล และผลกระทบจากกระบวนการผลิต ซึ่งในขณะนี้ TEI อยู่ระหว่างการปรับปรุงเกณฑ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และมีผู้ประกอบการรายหนึ่งแสดงความสนใจที่จะยื่นขอรับรองเป็นรายแรกในประเทศ

“โซลาร์เซลล์อาจดูเหมือนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ไม่ใช่ทุกกระบวนการจะเป็นเช่นนั้น หากไม่ควบคุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ” ดร.วิจารย์ กล่าว

ดร.ฉัตรตรี ภูรัต

ด้านดร.ฉัตรตรี ภูรัต ผู้อำนวยการฝ่ายฉลากเขียวและฉลากสิ่งแวดล้อม สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีเกณฑ์ฉลากเขียวกว่า 125 กลุ่มผลิตภัณฑ์ แต่มีการรับรองจริงเพียง ประมาณ 33 กลุ่ม หรือราว 30% ของทั้งหมด โดยส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอุปกรณ์สำนักงาน เครื่องใช้ภายในบ้าน ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่อพ่วง ซึ่งภาครัฐนิยมใช้ในการจัดซื้อจัดจ้าง ขณะที่กลุ่มสินค้าที่ผู้บริโภคทั่วไปใช้ในชีวิตประจำวันยังมีจำนวนไม่มาก เนื่องจากที่ผ่านมา การขับเคลื่อนระบบฉลากเขียวของไทยมุ่งเน้นไปที่ภาคการจัดซื้อภาครัฐเป็นหลัก

ขณะที่การขยายการรับรองไปยังกลุ่มสินค้าบริโภคทั่วไปก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากจะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ปัจจุบันมีเพียง “ฉลากประหยัดพลังงาน” ซึ่งมุ่งดูเฉพาะด้านการใช้พลังงานเท่านั้น ขณะที่ “ฉลากเขียว” จะพิจารณาครอบคลุมทั้งวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่กระบวนการผลิต การใช้งาน ไปจนถึงการจัดการหลังการใช้ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่แท้จริง

อย่างไรก็ตาม การขยายผลฉลากสิ่งแวดล้อมยังมีข้อจำกัด ทั้งด้านต้นทุนของผู้ประกอบการรายย่อย การขาดบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ และความเข้าใจของผู้บริโภค TEI จึงเร่งพัฒนาแนวทางสนับสนุน ทั้งการลดค่ารับรอง การอบรมเสริมศักยภาพ และการสื่อสารสร้างการรับรู้ เพื่อผลักดันให้ฉลากสิ่งแวดล้อมเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวอย่างแท้จริง