ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ พบว่าในปี 2566 ประเทศไทยมีปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) ประมาณ 680,386 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีปริมาณ 676,146 ตัน หรือเพิ่มขึ้นราว 0.63% ซึ่งเป็นแนวโน้มที่สอดคล้องกับการเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยมีเพียง 21% ของขยะอันตรายทั้งหมด ที่เข้าสู่ระบบการจัดการที่ถูกต้อง และมีการ รีไซเคิลเพียง 15% เท่านั้น ทำให้ขยะส่วนใหญ่ถูกทิ้งปะปนกับขยะทั่วไป ส่งผลให้เกิดปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อมจากสารเคมีอันตราย เช่น ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม และสารหนู ซึ่งสามารถปนเปื้อนลงสู่ดินและแหล่งน้ำ ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของประชาชนและระบบนิเวศ นอกจากนี้ การขาดระบบจัดการที่มีประสิทธิภาพยังทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสในการนำวัสดุมีค่ากลับมาใช้ใหม่อย่างเหมาะสม ดังนั้น การพัฒนาแนวทางการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่มีประสิทธิภาพ การส่งเสริมการรีไซเคิล และการสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดปัญหามลพิษและสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืน
ในฐานะองค์กรนวัตกรรมแห่งความยั่งยืน บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) จึงได้จับมือกับพันธมิตรสำคัญ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ลงนามความร่วมมือ (MOU) ในโครงการ ‘คนไทยไร้ E-Waste’ ตั้งจุดทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมขยายผลกับสถานศึกษาหรือโรงเรียนที่ใกล้เคียงเพื่อผลักดันการทิ้งและการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี พร้อมส่งเสริมการสร้างองค์ความรู้ให้คนไทยตระหนักถึงปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ล้นโลก ร่วมเดินทางเป็นหนึ่งใน Ecosystem ในการบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์รวมถึงสร้างกระบวนการจัดเก็บเพื่อให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลแบบ Zero Landfill ตามมาตรฐานสากล
ทั้งนี้ ยังมุ่งมั่นสู่ความเป็นองค์กรด้านนวัตกรรมแห่งความยั่งยืนเติบโตควบคู่ธุรกิจ พร้อมวางเป้าหมายใหญ่ปี 2568 ภายใต้แนวคิด “Beyond Insurance มากกว่าการประกันภัย” ชู Big Goal ให้คนไทยเข้าถึงการประกันภัยมากยิ่งขึ้น ตั้งเป้าเติบโตถึง 2 หลัก โดยมีเป้าหมายรายได้ของปี 2568 นี้ที่ 8,500 ล้านบาท พร้อมนำหลัก ESG ผสานการดำเนินธุรกิจอย่างครอบคลุม ด้วยการสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยอย่างยั่งยืน ผ่านการดำเนินงานด้านสังคม เยาวชนและการศึกษา สิ่งแวดล้อม พร้อมผนึกองค์กรพันธมิตรเดินหน้าขับเคลื่อนและยกระดับการทำงาน เพื่อเดินหน้าสู่ความยั่งยืน และชูองค์กรที่ให้ความสำคัญด้านความยั่งยืนในทุกมิติ

เทพพันธ์ อัศวะธนกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ด้วยการดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อสังคมที่ยั่งยืนโดยเน้นส่งเสริมใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านสังคม ด้านเยาวชนและการศึกษา และด้านสิ่งแวดล้อม ในด้านสังคม บริษัทฯ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยให้เข้าถึงง่ายและสะดวกขึ้น โดยหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นคือ “การประกันรถเปิดปิด” ขณะเดียวกันยังให้ความคุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมงเช่นเดิม ล่าสุดบริษัทได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ “รถติด ไม่คิดเบี้ย” เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ใช้รถในเมือง หลังเปิดตัว บริษัทฯ ยังริเริ่มโครงการ “Thaivivat Caring Forword คิดเผื่อเพื่อสังคม” ซึ่งให้ผู้เอาประกันภัยที่ขับรถปลอดภัยได้รับสิทธิ์ส่วนลดเบี้ยประกัน และสามารถร่วมบริจาคเงินในนามของตนเองให้กับมูลนิธิเพื่อสังคม โดยสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
ด้านเยาวชนและการศึกษา บริษัทฯ เชื่อว่าการศึกษาคือรากพื้นฐานของการพัฒนาประเทศ จึงร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สนับสนุนโครงการ “โรงเรียนร่วมพัฒนา” เพื่อยกระดับการศึกษาไทยให้ทักเทียมนานาชาติ โดยสนับสนุนทุนการศึกษาพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของนักเรียนและครู และจัดทำระบบ Smart e-Learning ในโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ สนับสนุน 5 โรงเรียนใน 5 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง สตูล ระนอง ยโสธร และพะเยา
นอกจากโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาแล้ว ทางบริษัทฯ ยังได้ส่งเสริมด้านนวัตกรรมให้กับเด็กและเยาวชน ผ่านโครงการ Thaivivat Innovation Awards โครงการประกวดนวัตกรรมประกันภัยสร้างสรรค์ ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนคิดและนำเสนอไอเดียในการพัฒนาประกันภัยเพื่อจัดการความเสี่ยงในสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยมีองค์ประกอบของ IoT (Internet of Things) , เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) , Big Data และ Lifestyle ในผลงาน ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 และมีนักเรียนให้ความสนใจและเข้าร่วมการแข่งขันมากกว่า 1,500 คน จากสถาบันการศึกษากว่า 100 สถาบัน ทั้งในกรุงเทพปริมณฑลและในภูมิภาค โดยโครงการที่ได้นำเสนอเข้ามาแข่งขันใน โครงการ Thaivivat Innovation Awards ถึงปัจจุบันมี กว่า 300 โครงการ
เทพพันธ์ กล่าวต่อว่า ด้านสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ ทราบดีว่าความยั่งยืนนั้นไม่ใช่แค่เรื่องการประกอบธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่การดูแลโลกของเราให้คนรุ่นต่อไปก็เป็นสิ่งที่ทุกองค์กรต้องให้ความใส่ใจ บริษัทฯ จึงนำแนวคิดที่จะนำ Greenovation และ Digital Transformation มาใช้เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยริเริ่มการดำเนินงานจากภายในองค์กรผ่านโครงการ Thaivivat Greenovation เปลี่ยนโลกด้วยนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน สร้างความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมภายในองค์กรให้กับพนักงาน เปลี่ยนของใช้มาเป็นของใช้ที่สามารถนำมารีไซเคิลต่อได้ อาทิ ของชำร่วย ยูนิฟอร์มพนักงาน รวมถึงน้ำดื่มของบริษัทและส่งเสริมการแยกขยะให้ถูกวิธีมาเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเรื่องความยั่งยืนภายในองค์กรเพราะต้องการจุดประกายและส่งเสริมให้พนักงานได้ตระหนักและหันมาให้ความสำคัญจากเรื่องใกล้ตัว
อีกทั้งยังมีการดำเนินงานด้าน Digital Transformation ผ่านการใช้งานบน Thaivivat Application เพื่อลดการใช้พลังงานและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อาทิ การใช้เทคโนโลยี AI ตรวจสภาพรถก่อนทำประกัน เพื่อลดการขับขี่ส่งเสริมการลดการปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์, ลดการใช้กระดาษด้วยการออกกรมธรรม์แบบ e-Policy รวมถึงการเคลมประกันผ่าน e-Claim โดยไม่ต้องใช้เอกสารและลดการเดินทางของพนักงานในการตรวจสอบความเสียหายที่เกิดกับทรัพย์สินที่เอาประกัน
นอกจากนี้ ยังได้จับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งดำเนินธุรกิจที่หลากหลายอุตสาหกรรมและมีสาขาทั่วโลก บริษัท อิโตชู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ITOCHU Corporation) แห่งประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมผลักดันและพัฒนาสร้างสรรค์นวัตกรรมประกันภัย ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อให้โอกาสคนไทยได้เข้าถึงการประกันภัยได้มากขึ้นอันจะเป็นการสร้างสังคมแห่งความยั่งยืนในอนาคต พร้อมกันนั้นยังเป็นการตอบสนองนโยบายของภาครัฐที่ส่งเสริมให้มีการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศให้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการเร่งการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ