กระทรวงพลังงานเปิดเผยว่า วันที่ 25 ก.พ. นี้ รมว.พลังงานจะลงนามสัญญากับผู้ชนะประมูลยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแปลงสำรวจในอ่าวไทย แปลงเอราวัณ กับ ปตท.สผ. และบริษัทในเครือมูบาดาลา และแปลงบงกช กับ ปตท.สผ.
โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเตรียมส่งเอกสารแจ้งให้ผู้ชนะประมูล เพื่อเตรียมลงนามสัญญา หลังจากสำนักงานอัยการสูงสุด ส่งร่างสัญญามาให้กระทรวงพลังงานแล้ว โดยผู้ชนะการประมูลจะเข้าไปดำเนินการผลิตก๊าซธรรมชาติได้หลังสิ้นสุดอายุสัมปทาน ระหว่างนี้จะผ่อนผันให้เข้าไปเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มผลิตจริงได้ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการผลิตทันทีที่สิ้นสุดสัมปทานเดิม นอกจากนี้หลังลงนามสัญญาแล้ว ผู้ชนะประมูลต้องส่งแผนเตรียมการลงทุนการผลิตก๊าซมาให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติภายใน 45 วัน และหลังจากนั้นจึงจะทราบรายละเอียดว่าผู้ได้รับสิทธิ์แต่ละแปลงจะใช้เงินลงทุนอย่างไร
สำหรับการประมูลครั้งนี้ กระทรวงพลังงานพิจารณาตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ได้ประกาศเอกสารเชิญชวนให้ยื่นขอสิทธิที่ประกาศไว้เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2561 จากนั้นให้เวลาผู้สนใจประมูลเข้าศึกษาข้อมูลทำเอกสารประมูล และให้ยื่นซองในวันที่ 25 กันยายน 2561 ซึ่งกระทรวงพลังงานได้ใช้เวลา 2 เดือนในการคัดเลือกผู้ชนะประมูลตามขั้นตอน โดยประเมินว่าประโยชน์โดยรวมจากการประมูลครั้งนี้ ทั้งผู้บริโภคจะประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 5.5 แสนล้านบาท และมีเงินงบประมาณเข้ารัฐเพิ่มอีก 1 แสนล้านบาท ประโยชน์โดยรวมจึงอยู่ที่ 6.5 แสนล้านบาท ในระยะเวลา 10 ปี
สำหรับผู้ชนะประมูลแหล่งเอราวัณ คือ บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ถือหุ้น 60% ร่วมกับ บริษัท เอ็มพี จี (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือมูบาดาลา ถือหุ้น 40% ส่วนผู้ชนะการประมูลแหล่ง บงกช คือ บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ถือหุ้น 100%