สหราชอาณาจักรขยับเส้นตายการห้ามขายรถยนต์แบบใช้น้ำมันในประเทศ จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ในปี 2578 ขยับให้เร็วขึ้นอีก 5 ปี เป็นปี 2573 โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน เรียกว่า ‘การปฏิวัติสีเขียว’ หลังจากที่เมื่อปีที่ผ่านมาสหราชอาณาจักรกลายเป็นประเทศแรกในกลุ่มประเทศ G7 ที่กำหนดเป้าคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593
บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เผยข้อมูลรัฐบาลเตรียมห้ามขายรถยนต์ใหม่ที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซล ภายในปี 2573 หรือในอีก 10 ปีข้างหน้า แต่ไม่รวมถึงรถยนต์ไฮบริดที่ยังคงอนุญาตให้ขายได้ถึงปี 2578 โดยมาตรการดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2593 ซึ่งมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของชาวอังกฤษในด้านการใช้พลังงานและการบริโภคภายในประเทศ ให้หันไปใช้พลังงานทดแทน การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และการใช้รถยนต์ไฟฟ้า โดยแผนดังกล่าวจะระดมเงินของรัฐบาล 12 พันล้านปอนด์ (16,000 ล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่มากถึงสามเท่าของจำนวนเงินที่มาจากภาคเอกชน ที่จะช่วยสร้างและสนับสนุนการจ้างงานในอุตสาหกรรมสีเขียว ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมคมนาคมและเทคโนโลยี โดยจะเป็นการจ้างงานแรงงานในกลุ่มที่มีทักษะสูงกว่า 250,000 คนภายในปี 2573
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีอังกฤษยังกล่าวถึงแผนการใช้งานพลังงานสะอาดอื่นๆ ทั้งในส่วนของพลังงานทดแทนจากกังหันลม โดยจะเพิ่มสัดส่วนพลังงานลมนอกชายฝั่งของสหราชอาณาจักรจาก 10 กิกะวัตต์ในปัจจุบัน ให้เป็น 40 กิกะวัตต์ภายในปี 2573 และการสนับสนุนงบปรมาณ 500 ล้านปอนด์สำหรับโครงการไฮโดรเจนรวมถึงการทำความร้อนในบ้านเรือนและอาคารสาธารณะเพื่อการประหยัดพลังงานที่มากขึ้น และงบอีกกว่า 525 ล้านปอนด์สำหรับพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่และขนาดเล็ก
Source: weforum.org – Britain to ban new petrol cars by 2030 on road to net zero emissions