บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์ MG ในประเทศไทย เปิดตัวรถยนต์ “NEW MG HS” และ “NEW MG HS PHEV” โฉมใหม่ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายใต้แนวคิด “REFINEMENT โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย” พร้อมรูปโฉมใหม่ที่ผสานความหรูหราทันสมัยและความสปอร์ตอย่างลงตัว ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ระหว่างวันที่ 23 มีนาคม – 3 เมษายน พ.ศ.2565 และโชว์รูม MG กว่า 150 แห่งทั่วประเทศ
มร. จาง ไห่โป กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า MG แนะนำรถยนต์ MG HS รุ่นแรกสู่ตลาดเมืองไทยในปีพ.ศ. 2562 และสามารถสร้างการจดจำให้กับแบรนด์ MG ในฐานะหนึ่งในผู้เล่นหลัก (Key Player) ในกลุ่ม C-SUV ในประเทศไทย โดย“NEW MG HS” และ “NEW MG HS PHEV” โฉมใหม่ มาพร้อมกับนิยาม “REFINEMENT โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย” สะท้อนความเป็นรถยนต์สปอร์ตพรีเมียม SUV ที่มีดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผสมผสานระหว่างความหรูหราและความสปอร์ตอย่างลงตัว ทั้งในด้านของการออกแบบภายนอกและภายในที่ทันสมัยใส่ใจในทุกรายละเอียด ฟังก์ชันและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยด้วยการติดตั้งระบบนำทางเสมือนจริง หรือ AR Navigation ซึ่งระบบดังกล่าวเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกล้องหน้าที่ถ่ายทอดสภาวะแวดล้อมจริงในขณะเดินทางร่วมกับระบบนำทาง Navigation แบบ Real Time ช่วยให้การใช้งานระบบนำทางแม่นยำมากยิ่งขึ้น
พร้อมกันนี้ยังได้พัฒนาระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกสบายมากกว่าเดิม และระบบกุญแจดิจิทัล (Digital Key Technology) ติดตั้งระบบความปลอดภัยมาตรฐานสากลสูงสุดถึง 26 ระบบ พร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังจากระบบขับเคลื่อนทั้งแบบเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร และเทคโนโลยี Plug-in Hybrid ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้พละกำลังสูงสุด 284 แรงม้า มาพร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion แบบโมดูล ขนาดใหญ่ 16.6 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ทำให้สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% (EV Mode) ได้ไกลถึง 67 กิโลเมตร รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี
ทันสิษฐ์ อาสิงสมานันท์ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงรถยนต์ MG NEW MG HS ว่า มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร ซึ่งได้มีการออกแบบให้มีความโดดเด่น และทันสมัย ผสานทั้งความหรูหราและความสปอร์ตอย่างลงตัว ด้วยเส้นสายของตัวถังแบบ British Shoulder Line ที่เน้นเรื่องความโค้งมนสมบูรณ์แบบของตัวรถ พร้อมกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ที่คงเอกลักษณ์เฉพาะของ MG มิติตัวถังยาว 4,574 มิลลิเมตร x กว้าง 1,876 มิลลิเมตร x สูง 1,664 มิลลิเมตร มีระยะช่วงล้อ 2,720 มิลลิเมตร มีกระจังหน้า DNA ใหม่ สี 2-Tone ดีไซน์ Digital Burning Grille กันชนหน้า กันชนท้ายดีไซน์ใหม่ พร้อมท่อไอเสียคู่ ไฟหน้าแบบ QUAD LED Projector ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights) ไฟท้ายแบบ Full LED ไฟ Welcome Light สปอยเลอร์หลังพร้อมราวหลังคา ฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า มีฟังก์ชันปรับระดับสูง-ต่ำ พร้อมสั่งการผ่านทางรีโมทคอนโทรล และล้อแม็ก หรือล้ออัลลอย BI-COLOUR ดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสี 2-Tone Monaco Blue ใช้วัสดุบุนุ่มแบบ Soft Touch ให้ความรู้สึกหรูหราและพรีเมียมในทุกรายละเอียด พร้อมฟังก์ชันที่ให้ทั้งความสะดวกสบายและคุณค่าระหว่างการขับขี่ที่ครบครันเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) ระบบกรองอากาศ PM 2.5 ระบบเชื่อมต่อมัลติมิเดีย Apple CarPlay สมาร์ทโฟนระบบ Andriod ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ TST (Twin Clutch Sportronic Transmission) แบบ 7 สปีด ให้พละกำลังสูงสุดถึง 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 250 นิวตันเมตร
ในรอบที่ต่ำเพียง 1,700 รอบต่อนาที
ส่วน NEW MG HS PHEV นั้นถูกออกแบบเช่นเดียวกับ MG NEW MG HS ซึ่งมาพร้อมกับการขับเคลื่อนด้วยระบบ Plug-in Hybrid ผสานกำลังระหว่างเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้มีพละกำลังสูงสุด 284 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร ขับขี่อย่างต่อเนื่องได้ด้วยระบบเกียร์แบบ EDU II – 10 Speeds ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 7.5 วินาที แบตเตอรี่มาตรฐานความปลอดภัย AMERICAN UL2580 และมาตรฐาน IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น รูปแบบการขับขี่ 5 รูปแบบ ได้แก่ โหมด EV โหมด Eco โหมด Normal โหมด Sport และโหมด Super Sport มีระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 3 ระดับ ระบบการบริหารพลังงานไฟฟ้าและสร้างกระแสไฟฟ้าจากเครื่องยนต์กลับสู่แบตเตอรี่ (Battery Management System) ระบบช่วงล่างหน้า MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง และระบบช่วงล่างหลังแบบ Multi-link พร้อมเหล็กกันโคลงทั้งหน้าและหลังและดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน และดิสก์เบรกหลัง
พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า NEW MG HS และ NEW MG HS PHEV มีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่นย่อย แบ่งออกเป็นรุ่นที่เป็นเครื่องยนต์สันดาปจำนวน 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น C รุ่น D และรุ่น X และรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยระบบปลั๊กอินไฮบริดจำนวน 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น PHEV D และ รุ่น PHEV X มาพร้อมสีตัวถังทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว (Arctic White) สีดำ (Black Knight) สีเทา (Metal Ash Grey) และสีแดง (Scarlet Red)
สำหรับราคาจำหน่าย NEW MG HS” และ “NEW MG HS PHEV” เริ่มจากNEW MG HS รุ่น C เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5l ราคาเริ่มต้นที่ 939,000 บาท NEW MG HS รุ่น D เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5l ราคาเริ่มต้น 1,089,000 บาท NEW MG HS รุ่น X เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5l ราคาเริ่มต้น 1,159,000 บาท ส่วน NEW MG HS PHEV รุ่น D ราคาเริ่มต้น 1,299,000 บาทและ NEW MG HS PHEV รุ่น X ราคาเริ่มต้น 1,379,000 บาท
ทั้งนี้ MG ได้มอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าผู้เข้าชมงานงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ที่จองและรับรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ.2565 -วันที่ 3 เมษายน พ.ศ.2565 นี้ จะได้รับข้อเสนอพิเศษ คือ NEW MG HS ดาวน์เริ่มต้นที่ 5% หรือดอกเบี้ยพิเศษ 0.90 % นาน 4 ปี ฟรีประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. ความคุ้มครอง 1 ปี และประกันคุณภาพรถยนต์นาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร ส่วน NEW MG HS PHEV ดาวน์เริ่มต้นที่ 5% หรือดอกเบี้ยพิเศษ 0.90 % นาน 4 ปี ฟรีประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. ความคุ้มครอง 1 ปี ประกันคุณภาพรถยนต์นาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร ฟรี MG Home Charger พร้อมค่าติดตั้งและแบตเตอรี่แรงดันสูงรับประกันนาน 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง