องค์กรในวันนี้จะมุ่งแต่ทำ “กำไร” เพียงอย่างเดียวคงไม่ได้แล้ว แต่ต้องประกอบกิจการหรือทำมาค้าขายด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย
“ผู้นำ” ในวันนี้จึงต้องมีจิตสำนึกของ “การพัฒนาที่ยั่งยืน” หรือ “การพัฒนาที่ยั่งยืน” (Sustainable Development : SD) โดยต้องผนวกเอาแนวความคิดและวิธีปฏิบัติของ “การพัฒนาที่ยั่งยืน” เข้าสู่กระบวนการบริหารจัดการและการประกอบกิจการธุรกิจอุตสาหกรรม ในทุกกิจกรรมด้วย ซึ่งปัจจุบันนานาประเทศได้ขยายผลไปถึงแนวความคิด ในเรื่องของ “เป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน” (Sustainable Development Goals : SDG) 17 หัวข้อ ของ “องค์การสหประชาชาติ” ด้วยแล้ว
ความหมายทางวิชาการที่ผู้คนนิยมอ้างอิงและยึดถือก็คือ “การพัฒนาที่ยั่งยืน คือการพัฒนาที่สนองตอบต่อความต้องการของคนรุ่นปัจจุบัน โดยไม่ทำให้คนรุ่นต่อไปในอนาคตต้องประนีประนอมยอมลดทอนความสามารถที่จะตอบสนองความต้องการของตนเอง” The Brundtland Commission (ค.ศ. 1987)
นักวิชาการหลายท่านได้อธิบายถึงคำนี้อย่างง่ายๆ ว่า “คนรุ่นปัจจุบันต้องไม่เบียดบังเอาทรัพยากรธรรมชาติมาใช้เพื่อประโยชน์ต่างๆ จนคนรุ่นลูกรุ่นหลานไม่มีใช้ (ไม่พอใช้) หรือทิ้งมรดกด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่เสื่อมโทรมให้ลูกหลานรับต่อไป” (หากเป็นเช่นที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้ ก็จะเป็น “การพัฒนาที่ไม่ยั่งยืน”)
แนวความคิดนี้ได้ผลักดันให้เกิดกฎระเบียบมากมาย และผลักดันให้ธุรกิจอุตสาหกรรมในปัจจุบันต้องให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจ (ประกอบกิจการ) ที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมกับมี “ธรรมาภิบาล” (การกำกับดูแลกิจการที่ดี)/(Good Governance) ที่ดำเนินการภายใต้แนวทางของ “การพัฒนาที่ยั่งยืน” และ “ความรับผิดชอบต่อสังคม”
เป้าหมายใน ค.ศ. 2030 สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้ว (ซึ่งได้ริเริ่มนำแนวความคิดนี้มาใช้และสร้างเสริมสมรรถภาพให้แก่ประเทศกำลังพัฒนาต่อๆ ไป) ได้แก่ (1) มีการจัดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน (2) มีการจัดการสารเคมีและของเสียทุกประเภทตลอดวัฏจักรชีวิต และลดการปล่อยสู่น้ำ อากาศ ดิน เพื่อลดผลกระทบต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม (ภายใน ค.ศ. 2020) (3) มีการลดและป้องกัน การเกิดของเสียด้วยหลักการ 3R คือ ลดการใช้วัตถุดิบ การนำกลับมา ใช้ซ้ำ และหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ (4) สนับสนุนผู้ประกอบการขนาดใหญ่และบริษัทข้ามชาติให้นำแนวทางที่ยั่งยืนไปปฏิบัติ และมีการรายงานข้อมูลความยั่งยืน (5) สนับสนุนแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างที่ยั่งยืนให้เป็นนโยบายของทุกประเทศ
กรอบความคิดของ “การพัฒนาที่ยั่งยืน” จึงมุ่งให้เกิด “ความสมดุล” ระหว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม และการอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อม โดยเน้นให้ปรากฏเป็น “นโยบาย” ในการบริหารจัดการองค์กรและการประกอบกิจการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งระดับองค์กรและระดับประเทศ
แต่ปัจจุบันก็มีกรอบความคิดใหม่ๆ เพิ่มขึ้น อันได้แก่ เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) อุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) การเติบโตสีเขียว (Green Growth) และ “สีเขียว” อื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการ ยุทธศาสตร์ แผนกลยุทธ์ และ แผนกิจกรรม เพื่อช่วยให้ดำเนินไปสู่เป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตและการบริโภคไปสู่วิถีทาง ที่ยั่งยืนในระยะยาว
ทุกวันนี้ “การพัฒนาที่ยั่งยืน” จึงเป็นความรับผิดชอบต่อสังคม ที่ “ผู้นำ” ขององค์กรทุกประเภทจะปฏิเสธไม่ได้ คือ ผู้นำองค์กรจะ ต้องทำด้วยใจและด้วยความรับผิดชอบ (มากกว่าต้องทำเพราะถูกกฎหมายบังคับหรือสังคมกดดัน) องค์กรจึงจะยั่งยืน ครับผม!
Source: นิตยสาร Green Network ฉบับที่ 109 มกราคม-กุมภาพันธ์ 2565 คอลัมน์ Industry โดย ดร. วิฑูรย์ สิมะโชคดี