แรงกดดันจากกติกาการเงินโลกและเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ ทำให้การระดมทุนเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำไม่ใช่เพียงการเข้าถึงเงินทุนอีกต่อไป หากแต่ต้องอาศัยความพร้อมเชิงเทคนิค มาตรฐานสากล และความน่าเชื่อถือในสายตานักลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMB Thai หนึ่งในกลุ่มธนาคารชั้นนำในอาเซียน จึงเร่งยกระดับบทบาทจากผู้ให้บริการทางการเงิน สู่การเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของภาคธุรกิจ ด้วยการอำนวยความสะดวกทั้งการระดมทุนและการขอสินเชื่อสีเขียว ควบคู่กับการให้คำแนะนำเชิงเทคนิคเพื่อสนับสนุนการเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero อย่างเป็นรูปธรรม
บริการใหม่ของธนาคารที่เปิดตัวในปีนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อลดอุปสรรคสำคัญที่ภาคธุรกิจเผชิญ ตั้งแต่การจัดทำแผนการเปลี่ยนผ่าน การปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ Taxonomy ไปจนถึงการเตรียมเอกสารสำหรับตราสารหนี้และสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืน ช่วยให้กระบวนการเข้าถึงแหล่งทุนมีความชัดเจนและเป็นระบบมากขึ้น พร้อมตั้งเป้าขยายพอร์ตสินเชื่อสีเขียวแตะระดับ 30,000 ล้านบาทภายในปี 2570 เพื่อเป็นกลไกสนับสนุนการปรับตัวของภาคธุรกิจไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำในระยะยาว

เจสัน ลี ผู้บริหารฝ่ายความยั่งยืน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการทำงานร่วมกับลูกค้าองค์กรที่ต้องการเปลี่ยนผ่านสู่เป้าหมาย Net Zero พบว่าความต้องการระดมทุนผ่านตราสารหนี้และสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่อุปสรรคสำคัญคือการวิเคราะห์เชิงเทคนิค การจัดทำแผนการเปลี่ยนผ่าน (Transition Plan) และการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ Taxonomy ทำให้ธนาคารพัฒนาโซลูชัน Sustainability 360 เพื่อช่วยลูกค้าจัดทำเอกสารทางเทคนิคสำหรับการออกตราสารหนี้และขอสินเชื่อ โดยเอกสารผ่านการรับรองความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญอิสระ (Second Party Opinion: SPO) ให้สอดคล้องทั้งมาตรฐานในประเทศและสากล ช่วยอำนวยความสะดวกแบบ One Stop Service ตั้งแต่การวางแผนจนถึงการเข้าถึงเงินทุน
ในภาพรวมบริบทของประเทศไทย แม้ทุกภาคส่วนจะพูดถึง Net Zero แต่ข้อมูลจากสหภาพยุโรป หรือ EU สะท้อนว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1990 ถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะภาคการผลิตไฟฟ้าและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นหลัก การเติบโตทางเศรษฐกิจ การส่งออก และการดึงดูดการลงทุนใหม่ เช่น ดาต้าเซ็นเตอร์ ยิ่งทำให้ความต้องการพลังงานสูงขึ้น ส่งผลให้การปล่อยก๊าซเพิ่มขึ้นสวนทางกับเป้าหมายจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5–2 องศาเซลเซียส ความท้าทายจึงไม่ใช่เพียง “มีเงินหรือไม่” แต่คือ “เงินควรไปอยู่ที่ไหน” และต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกภาคธุรกิจ ไม่ใช่ให้รัฐตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียว
ภายใต้กรอบดังกล่าว ธนาคารพาณิชย์ไทยทุกแห่งจำเป็นต้องจัดทำ Transition Plan เสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทย โดยอ้างอิงมาตรฐานสากล เช่น แนวทางของ IEA และเครือข่ายพันธมิตรธนาคารระดับโลกที่ตั้งเป้า Net Zero ร่วมกัน ซึ่ง CIMB Thai เป็นหนึ่งในสมาชิก และกำหนดกรอบการดำเนินงานหลัก 6 ด้าน พร้อมติดตามและรายงานผลต่อองค์การสหประชาชาติเป็นประจำทุกปี เพื่อสะท้อนความเสี่ยงและความคืบหน้าของพอร์ตสินเชื่อในมิติการเปลี่ยนผ่าน
สำหรับอุตสาหกรรมที่ CIMB Thai เร่งขับเคลื่อนเป็นอันดับแรก ได้แก่ การผลิตไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ และการผลิตปูนซีเมนต์ ซึ่งเป็นกลุ่มปล่อยคาร์บอนสูงและต้องการเงินทุนเพื่อปรับโครงสร้างการผลิต โดยธนาคารจะช่วยวิเคราะห์ เตรียมความพร้อม และออกแบบเครื่องมือทางการเงินเพื่อให้บริษัทเข้าถึงเงินทุนได้ง่ายขึ้น เพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุน และยกระดับศักยภาพการระดมทุนทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ ปาล์มน้ำมัน และการผลิตอื่น ๆ จะเป็นกลุ่มถัดไปในการขยายการสนับสนุน
“ธนาคารตั้งวงเงิน Committed Demand สำหรับการเปลี่ยนผ่านไว้ที่ 20,000 ล้านบาทในช่วงปี 2024–2026 โดยปัจจุบันลูกค้าใช้การระดมทุนผ่านตราสารหนี้และสินเชื่อแล้วราว 50% และมีแนวโน้มที่ความต้องการจะเพิ่มขึ้นเป็น 30,000 ล้านบาทภายในปี 2570 พร้อมเดินหน้าเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อกลุ่ม GSS Loan โดยเฉพาะภาคไฟฟ้าและน้ำมันและก๊าซ จากประมาณ 4% ของพอร์ต เป็น 20% ภายในปี 2030” เจสัน ลี กล่าว
เครื่องมือสำคัญอีกประเภทคือ Sustainability-linked Loans ซึ่งเชื่อมอัตราดอกเบี้ยกับผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน หากองค์กรสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตาม KPI ที่กำหนดได้ จะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย และสามารถนำเงินที่ประหยัดไปลงทุนในเทคโนโลยีสะอาดต่อยอดการลดคาร์บอน เป็นแรงจูงใจให้การเปลี่ยนผ่านเกิดขึ้นจริง โดยเฉพาะในภาคการผลิตไฟฟ้าที่ต้องเดินตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan : PDP) ของประเทศ ควบคู่กับแนวทางขององค์การพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency : IEA) และการเพิ่มสัดส่วนพลังงานสีเขียว Brown to Less Brown เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และ SMR (Small Modular Reactor)
“CIMB Thai ดำเนินงานสอดคล้องกับแนวทาง Taxonomy และสนับสนุนโอกาสด้านพลังงานสะอาดจากแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) อย่างใกล้ชิด พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero ตามที่ธนาคารฯ กำหนด เพื่อร่วมขับเคลื่อนภาคธุรกิจไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน” เจสัน ลี กล่าวทิ้งท้าย